กศน.ตำบลเนินมะกอก หมู่ 12 บ้านสายหกพัฒนา ต.เนินมะกอก อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ 60130 056-431504 094-0014936 08.30 น. - 16.30 น.
ครู กศน.ตำบลเนินมะกอก

128557677 216746703237345 8173356735280948121 n

นางสาวรัตติกาล  ต้านทาน

ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบลเนินมะกอก

 เบอร์โทร 094-0014936

173015811 295761035263297 1389067186681539045 n 

นางสาวกานต์พิชชา  ทัพน้อย

ตำแหน่ง ครูอาสา

 เบอร์โทร 

 

แพลตฟอร์ม กศน.นครสวรรค์

จำนวนผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์
074872
วันนี้
เมื่อวานนี้
สัปดาห์นี้
สัปดาห์ที่แล้ว
เดือนนี้
เดือนที่แล้ว
ผู้เข้าชมทั้งหมด
53
73
579
73714
1660
3367
74872

Your IP: 192.168.1.1
2024-05-19 12:24

 

143814318 1293713804343732 9104173267645060203 o

วันนี้เรามีสาระดีดี...มาฝากกันค่ะ
: อันตรายจากท่านอน..แค่นอนผิดท่าสุขภาพอาจแย่!!

เชื่อว่า..อาจจะเคยได้ยินมาแล้วว่า ท่านอนนั้นส่งผลต่อสุขภาพ ซึ่งท่านอนที่สบายที่สุดก็คือ “ท่าตะแคงขวา” นั่นเองคะ เพราะเป็นท่าที่ทำให้กระดูกสันหลังผ่อนคลาย ช่วยลดการนอนกรนและภาวะกรดไหลย้อนได้นั่นเอง แต่ก็มีบางท่านอนที่ถ้านอนนานๆ แล้วอาจจะไม่ดีต่อร่างกาย แต่จะมีท่าอะไรบ้าง เราลองมาเช็กไปพร้อมๆ กันเลยคะ
.
1. ท่านอนคว่ำ
ท่านอนคว่ำไม่ได้ทำให้หายใจไม่ออกเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลต่อรูปแบบของกระดูกสันหลังด้วย เพราะการนอนคว่ำจะทำให้คอและหลังต้องทำงานหนัก เท่ากับว่ากระดูกสันหลังก็จะต้องทำงานหนักมากขึ้นไปด้วย และถ้ายังนอนคว่ำต่อไปเรื่อยๆ ก็อาจจะส่งผลให้ปวดหลัง เจ็บหลัง หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท
.
นอกจากนี้ การนอนคว่ำยังขัดขวางการไหลเวียนเลือดและทางเดินหายใจอีกด้วย เรียกได้ว่าถ้านอนแป๊บเดียวก็ไม่น่าห่วงหรอกครับ แต่ถ้าถึงขั้นชอบเป็นท่านอนประจำควรจะต้องปรับเปลี่ยนกันหน่อยแล้ว
.
2. ท่านอนขดตัว
หลายๆ คนคงชอบนอนขดตัวใต้ผ้าห่มเพราะว่ารู้สึกสบาย แต่การนอนท่านี้จะทำให้เราหายใจได้ไม่สะดวก รวมทั้งทำให้ปวดคอ ปวดหลัง และอาจทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าจากการกดทับได้ด้วยคะ
.
3. ท่านอนหงาย
ท่านอนหงายนั้นมีข้อดีเยอะมาก เพราะช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อน แล้วก็ไม่ทำให้ปวดหลังหรือปวดคอด้วยคะ แต่ท่านี้ก็ไม่เหมาะสำหรับบางคน โดยเฉพาะคนที่นอนกรน เพราะยิ่งนอนหงายก็จะยิ่งกรนได้ง่ายขึ้นแล้วก็เสียงดังมากขึ้นด้วย คนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ท่านอนหงายก็จะยิ่งทำให้ภาวะนี้แย่ลงกว่าเดิมได้เหมือนกัน
.
จากทั้งหมดนี้ “ท่านอนตะแคง” จึงกลายเป็นท่าที่แนะนำมากที่สุด เพราะทำให้กระดูกสันหลังอยู่ในรูปแบบที่เหมาะสม จึงลดโอกาสของการปวดหลัง ปวดคอ หรือปวดไหล่ รวมทั้งช่วยลดอาการนอนกรน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับและกรดไหลย้อนอีกด้วยคะ
.
ขอขอบคุณข้อมูล : ลืมป่วย

140507137 1291738621207917 7986375030859524324 o

วันนี้เรามีสาระดีดีมาฝากกันค่ะ

: ภาวะต่อมหมวกไตล้า โรคยุคใหม่ของคนทำงาน
🔻▶️ภาวะต่อมหมวกไตล้า◀️🔻
เป็นภาวะที่คนไทยไม่ค่อยรู้จักกันสักเท่าไหร่ เพราะเป็นแค่อาการที่แสดงให้เห็นก่อนจะเกิดโรคเท่านั้น ยังไม่มีโรคหรือสิ่งร้ายแรงอะไร จึงทำให้หลาย ๆ คนไม่ได้ทำความเข้าใจและไม่รู้จัก แต่อาการของภาวะนี้จะส่งผลให้คุณภาพชีวิตลดลง เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ไม่แข็งแรง ไม่มีแรง ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ และทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมาจากภาวะต่อมหมวกไตล้าได้

⚠️สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดต่อมหมวกไตล้า⚠️

1. เครียด คิดมาก มีเรื่องกังวลใจอยู่ตลอดเวลา
2. นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
3. เมื่อรู้สึกเหนื่อยแล้วยังฝืนทำกิจกรรมต่อไป ไม่พักผ่อน
4. อ่านหนังสือสอบมากเกินที่ร่างกายจะรับไหว ทำให้เกิด ความเครียดสะสม
5. ไม่มีเวลาเหลือให้ตัวเองใช้ผ่อนคลาย
6. เครียดจากอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง

147353043 1301790240202755 7081114218835018760 o

กิจกรรมส่งเสริมการอ่านออนไลน์ # อยู่ที่ไหนก็อ่านได้
📢📢 วันนี้เรามีสาระดีดี...มาฝากกันคะ
“!! อย่ามองข้ามไขมันในช่องท้อง"
ไขมันในช่องท้องเกิดขึ้นเมื่อเรารับไขมันเข้ามาในร่างกายเป็นจำนวนมาก แล้วร่างกายก็เผาผลาญไม่หมด มันก็เลยไปเกาะอยู่ในอวัยวะต่างๆ และกล้ามเนื้อภายในช่องท้อง ยิ่งเกาะไปนานวันเข้าก็ยิ่งสะสมพอกพูนจนทำให้ท้องป่องออกมา มองภายนอกเพื่อนๆ อาจเห็นเป็นแค่พุงกลมๆ ดูไม่น่ากลัว แต่ถ้าลองอัลตราซาวด์ตรวจดูก็อาจช็อก เพราะในนั้นจะมีก้อนไขมันอยู่เป็นจำนวนมาก
.
มีไขมันในช่องท้องแล้วมันทำไมเหรอ?
ก็เพียงแค่เจ้าไขมันพวกนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมาได้ เหมือนกับที่เคยมีคนพูดว่า 1 พุง 100 โรคนั่นแหละคะ ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง มะเร็งเต้านม โรคอัลไซเมอร์ โรคตับ โรคความดันโลหิตสูง หรืออาจจะมีภาวะไขมันพอกตับ แต่ที่พูดมานี่ก็เป็นแค่โรคส่วนหนึ่งคะ เพราะอานุภาพของไขมันในช่องท้องทำให้เกิดโรคได้เยอะกว่านี้อีก
.
วิธีสังเกตไขมันในช่องท้องแบบง่ายที่สุดก็คือการวัดคะ มีหลายแบบด้วยกันเลย ซึ่งจะขอยกตัวอย่างคร่าวๆ เป็นวิธีต่อไปนะคะ
1. วัดรอบเอว ผู้หญิงเอเชียไม่ควรมีรอบเอวเกิน 31.5 นิ้ว ส่วนผู้ชายไม่ควรเกิน 35.5 นิ้ว อันนี้เป็นเพราะคนเอเชียตัวเล็ก รอบเอวเลยควรประมาณนี้ แต่ถ้ายึดตามหลักสากล ผู้หญิงจะรอบเอวไม่เกิน 35 นิ้ว ส่วนผู้ชายไม่ควรเกิน 40 นิ้ว
2. วัดรอบเอวและสะโพก ใช้หน่วยเป็นเซนติเมตรเหมือนกัน เสร็จแล้วเอาเลขรอบเอวมาหารเลขรอบสะโพกก็จะได้ค่าเป็นเลขทศนิยม 2 หลัก สำหรับผู้หญิง ถ้าได้เลขเกิน 0.80 แสดงว่าไขมันในช่องท้องเยอะ ส่วนในผู้ชายไม่ควรเกิน 0.95 นั่นเอง
3. หาค่า BMI หรือค่าดัชนีมวลกาย ซึ่งสามารถเสิร์ชหาเว็บไซต์วัดผลได้เลยถ้าได้เลขมากกว่า 24 แสดงว่ามีความเสี่ยงที่จะมีไขมันในช่องท้องมากเกินไปแล้ว
**แต่นี่ก็เป็นแค่การวัดคร่าวๆ นะคะ ไปตรวจที่โรงพยาบาลถึงจะได้ค่าที่แม่นยำที่สุด
.
แล้วจะทำยังไงถ้าไขมันในช่องท้องเยอะ?
ลดคะ! ลดเท่านั้น!
เริ่มจากการควบคุมอาหารก่อนเลย อาหารที่มีไขมันสูงอย่างของทอดหรือฟาสต์ฟูดนี่งดได้งด รวมทั้งอาหารน้ำตาลสูงและแป้งสูงด้วย แล้วหันมากินผักให้เยอะขึ้น เลือกกินข้าวกล้องแทนข้าวขาว ลองกินอาหารแป้งต่ำหรือการกิน IF กินไขมันดีให้มากขึ้นด้วย ซึ่งก็หาได้จากแซลมอน ทูน่า น้ำมันมะกอก และอัลมอนด์ เป็นต้น
.
ควบคุมอาหารได้แล้วก็ออกกำลังกายกันต่อ ใครที่ไม่มีเวลาออกหนักๆ ก็ให้ลองขยับร่างกายในชีวิตประจำวันให้มากขึ้น ใช้บันไดแทนลิฟต์ หรือเดินไปซื้อข้าวเองแทนการใช้คนอื่นไป แล้วอย่าลืมปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตด้วย เก็บขนมให้พ้นมือ ผ่อนคลายความเครียดบ้าง เข้านอนให้ตรงเวลา และไปตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ ถ้าทำได้ ไขมันในช่องท้องก็ฆ่าไม่ได้แน่นอน
ขอขอบคุณข้อมูล : ลืมป่วย

147353043 1301790240202755 7081114218835018760 o

กิจกรรมส่งเสริมการอ่านออนไลน์ # อยู่ที่ไหนก็อ่านได้
📢📢 วันนี้เรามีสาระดีดี...มาฝากกันคะ
“!! อย่ามองข้ามไขมันในช่องท้อง"
ไขมันในช่องท้องเกิดขึ้นเมื่อเรารับไขมันเข้ามาในร่างกายเป็นจำนวนมาก แล้วร่างกายก็เผาผลาญไม่หมด มันก็เลยไปเกาะอยู่ในอวัยวะต่างๆ และกล้ามเนื้อภายในช่องท้อง ยิ่งเกาะไปนานวันเข้าก็ยิ่งสะสมพอกพูนจนทำให้ท้องป่องออกมา มองภายนอกเพื่อนๆ อาจเห็นเป็นแค่พุงกลมๆ ดูไม่น่ากลัว แต่ถ้าลองอัลตราซาวด์ตรวจดูก็อาจช็อก เพราะในนั้นจะมีก้อนไขมันอยู่เป็นจำนวนมาก
.
มีไขมันในช่องท้องแล้วมันทำไมเหรอ?
ก็เพียงแค่เจ้าไขมันพวกนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมาได้ เหมือนกับที่เคยมีคนพูดว่า 1 พุง 100 โรคนั่นแหละคะ ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง มะเร็งเต้านม โรคอัลไซเมอร์ โรคตับ โรคความดันโลหิตสูง หรืออาจจะมีภาวะไขมันพอกตับ แต่ที่พูดมานี่ก็เป็นแค่โรคส่วนหนึ่งคะ เพราะอานุภาพของไขมันในช่องท้องทำให้เกิดโรคได้เยอะกว่านี้อีก
.
วิธีสังเกตไขมันในช่องท้องแบบง่ายที่สุดก็คือการวัดคะ มีหลายแบบด้วยกันเลย ซึ่งจะขอยกตัวอย่างคร่าวๆ เป็นวิธีต่อไปนะคะ
1. วัดรอบเอว ผู้หญิงเอเชียไม่ควรมีรอบเอวเกิน 31.5 นิ้ว ส่วนผู้ชายไม่ควรเกิน 35.5 นิ้ว อันนี้เป็นเพราะคนเอเชียตัวเล็ก รอบเอวเลยควรประมาณนี้ แต่ถ้ายึดตามหลักสากล ผู้หญิงจะรอบเอวไม่เกิน 35 นิ้ว ส่วนผู้ชายไม่ควรเกิน 40 นิ้ว
2. วัดรอบเอวและสะโพก ใช้หน่วยเป็นเซนติเมตรเหมือนกัน เสร็จแล้วเอาเลขรอบเอวมาหารเลขรอบสะโพกก็จะได้ค่าเป็นเลขทศนิยม 2 หลัก สำหรับผู้หญิง ถ้าได้เลขเกิน 0.80 แสดงว่าไขมันในช่องท้องเยอะ ส่วนในผู้ชายไม่ควรเกิน 0.95 นั่นเอง
3. หาค่า BMI หรือค่าดัชนีมวลกาย ซึ่งสามารถเสิร์ชหาเว็บไซต์วัดผลได้เลยถ้าได้เลขมากกว่า 24 แสดงว่ามีความเสี่ยงที่จะมีไขมันในช่องท้องมากเกินไปแล้ว
**แต่นี่ก็เป็นแค่การวัดคร่าวๆ นะคะ ไปตรวจที่โรงพยาบาลถึงจะได้ค่าที่แม่นยำที่สุด
.
แล้วจะทำยังไงถ้าไขมันในช่องท้องเยอะ?
ลดคะ! ลดเท่านั้น!
เริ่มจากการควบคุมอาหารก่อนเลย อาหารที่มีไขมันสูงอย่างของทอดหรือฟาสต์ฟูดนี่งดได้งด รวมทั้งอาหารน้ำตาลสูงและแป้งสูงด้วย แล้วหันมากินผักให้เยอะขึ้น เลือกกินข้าวกล้องแทนข้าวขาว ลองกินอาหารแป้งต่ำหรือการกิน IF กินไขมันดีให้มากขึ้นด้วย ซึ่งก็หาได้จากแซลมอน ทูน่า น้ำมันมะกอก และอัลมอนด์ เป็นต้น
.
ควบคุมอาหารได้แล้วก็ออกกำลังกายกันต่อ ใครที่ไม่มีเวลาออกหนักๆ ก็ให้ลองขยับร่างกายในชีวิตประจำวันให้มากขึ้น ใช้บันไดแทนลิฟต์ หรือเดินไปซื้อข้าวเองแทนการใช้คนอื่นไป แล้วอย่าลืมปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตด้วย เก็บขนมให้พ้นมือ ผ่อนคลายความเครียดบ้าง เข้านอนให้ตรงเวลา และไปตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ ถ้าทำได้ ไขมันในช่องท้องก็ฆ่าไม่ได้แน่นอน
ขอขอบคุณข้อมูล : ลืมป่วย

หน้าที่ 7 จาก 7