- ครู กศน.ตำบล
- สาระน่ารู้
- จำนวนการเข้าชม: 534
นางสาวรัตติกาล ต้านทาน
ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบลเนินมะกอก
เบอร์โทร 094-0014936
นางสาวกานต์พิชชา ทัพน้อย
ตำแหน่ง ครูอาสา
เบอร์โทร
ต้นเหตุของโรคบางโรค เกิดขึ้นจากการดื่มน้ำไม่พอ ห้ามคิดว่าไม่เป็นไรเชียวนะครับ เพราะการดื่มน้ำน้อยไป จะมี 6 โรคนี้ถามหาแน่นอน
วันนี้เราได้รวบรวม 6 โรคแย่ๆที่จะเกิดขึ้นเมื่อเพื่อนๆ ละเลยการดื่มน้ำ จะมีโรคอะไรบ้าง มาดูกันเลยครับ
1. โรคอ้วน
อย่าเข้าใจผิดว่า การดื่มน้ำน้อยจะทำให้น้ำหนักลง เพราะจริงๆแล้วน้ำมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับของเสียออกจากร่างกาย หากดื่มน้ำน้อย ของเสียจะถูกกำจัดน้อยลงไปด้วย
นอกจากนี้น้ำยังช่วยอิ่มท้อง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการลดน้ำหนัก คนที่ดื่มน้ำน้อยจึงเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนได้นั่นเอง
2. โรคท้องผูกหรือโรคริดสีดวงทวาร
ปัญหาการดื่มน้ำน้อยทำให้ลำไส้ทำงานหนัก และทำให้อุจาระแข็งและแห้ง ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้การขับถ่ายเป็นไปได้ยาก หรือต้องใช้เวลาเบ่งนานกว่าจะขับออกมาได้
การดื่มน่้ำน้อยไป ทำให้เกิดปัญหาท้องผูก และอาจพัฒนาเป็นโรคริดสีดวงทวารได้ หาไม่อยากเกิดโรคนี้ การทานอาหารที่มีไฟเบอรรสูงและดื่มน้ำให้เพียงพอ ก็เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง
3. โรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ
สิ่งแรกๆที่สังเกตได้ เมื่อดื่มน้ำน้อย ปัสสาวะจะมีสีที่ข้นขึ้น นั้นเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า ปริมาณน้ำที่ได้รับไม่เพียงพอที่ร่างกายต้องการ
และถ้าปล่อยไว้นานๆ ไตจะเริ่มทำงานหนักกว่าเดิม อีกทั้งเพิ่มโอกาศการติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะส่วนล่างได้ง่าย จึงเกิดโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบหรือโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบนั้นเอง
4. โรคความดันโลหิต
การดื่มน้ำน้อยจะส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดอย่างมาก ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานแย่ลง เลือดข้น และส่งผลต่อเนื่องไปถึงความดันโลหิตสูง และถ้าความดันโลหิตสูง ก็จะนำมาโรคอื่นๆตามมาอีกมากมาน
ดังนั้น ถ้าอยากมีสุขภาพที่ดี แค่ดื่มน้ำให้เพียงพอก็เป็นวิธีง่ายๆที่ดีต่อสุขภาพ
5. โรคสมองเสื่อม
การที่เพื่อนๆดื่มน้ำน้อย จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคสมองเสื่อมก่อนวัยอันควรได้ เนื่องจากน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญที่อยู่ในสมอง อาการแรกที่จะปรากฏก็คือ ไม่รู้สึกสดชื้น ไม่กระฉับกระเฉง
ยิ่งนานวันเข้าจะทำให้สมองเสื่อมลงเรื่อยๆ การขนาดน้ำแค่เพียง 2% ก็อาจทำให้เพื่อนๆ สูญเสียความจำในระยะสั้นหรือมีปัญหากับการคำนวนตัวเลข และแน่นอนว่าการขาดน้ำจะทำให้เซลล์สมองเสียหาย หดตัว และเกิดสมองเสื่อมได้ในที่สุด
6. โรคข้อและกระดูก
สารน้ำภายในแกนกลางของหมอนรองกระดูกมีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึง 80% หากหมอนรองกระดูกแห้ง อาจมีผลทำให้ข้อต่อบาดเจ็บ หรือเกิดการอักเสบได้ง่ายกว่าเดิม
หากเพื่อนๆไม่อยากพบเจอปัญหาเกี่ยวกับข้อและกระดูก อย่าลืมดื่มน้ำให้เพียงพอด้วยนะคะ เพราะสิ่งที่ส่งผลสำคัญต่อการทำงานของข้อต่อส่วนต่างๆ ของร่างกายโดยเฉพาะเวลาที่ต้องออกแรงเดินหรือยกของนั้นเอง
เราเชื้อว่า ไม่มีใครอยากเป็นโรคเหล่านี้กันอยู่แล้ว และเพื่อนๆก็สามารถป้องกันตัวเองได้เพียงดื่มน้ำให้มากขึ้นกว่าเดิม การเติมน้ำให้ร่างกายในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยลดโอกาศเกิดโรคได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการมีสุขภาพที่แข็งแรงและลดโอกาศป่วยให้น้อยลง
ยังมีความรู้เกี่ยวกับสุขภาพด้านอื่นๆอีกมายมายที่ผมพร้อมแบ่งปันให้เพื่อนๆได้รู้ และดูแลตัวเองไปด้วยกันค่ะ
ภาวะสมองล้า คือ ภาวะเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว ส่วนใหญ่มักเกิดจากการใช้งานสมองอย่างหนัก ทำให้ความจำและประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงเป็นอย่างมากนั่นเองครับ และเมื่อสมองล้าแล้วก็อาจจะส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้อีกด้วย เช่น เกิดสมองเสื่อมก่อนวัยอันควร
ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของภาวะสมองล้าได้
- เร่งทำงานให้เสร็จทันเวลา ต้องใช้สมองหนักมากหรืออาจต้องอดนอนด้วย
- พักผ่อนน้อย นอนวันละไม่เกิน 6 ชั่วโมงเท่านั้น
- ทำงานหรือนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป
- มีความเครียดสะสม ไมค่อยผ่อนคลายความเครียด
- ขาดการบำรุงสมอง เช่น ร่างกายขาดวิตามินบี
- ฮอร์โมนไม่สมดุล
- ทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน
เป็นเบาหวานต้องตัดขา เป็นเบาหวานแล้วตาบอด...ความน่ากลัวของโรคเบาหวานทำให้หลายคนพยายามดูแลตัวเองอย่างดี แต่ในขณะที่บางคนอาจจะไม่เคยสนใจเรื่องราวเหล่านี้เลย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองใกล้เป็นเบาหวานแล้วหรือไม่ ?
โรคเบาหวาน คือ โรคที่ร่างกายของเรามีระดับน้ำตาลในเลือดสูง เนื่องจากเกิดความผิดปกติในการนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงาน และระดับน้ำตาลที่สูงขึ้นนี้ จะส่งผลให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่างๆ รวมไปถึงเส้นประสาทด้วย
ผมอยากให้เพื่อนๆ หันมาสนใจเรื่องนี้กันให้มากขึ้นครับ จึงอยากจะมาแนะนำสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่า #เรากำลังจะเป็นเบาหวาน มาดูกันหน่อยซิครับว่า...เรากำลังเสี่ยงแค่ไหน ?
#1ปัสสาวะบ่อย
เมื่อน้ำตาลในเลือดสูง ร่างกายจะพยายามขับน้ำตาลออกทางปัสสาวะ ทำให้เราปวดฉี่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน
#2กระหายน้ำบ่อย
เมื่อฉี่บ่อย ร่างกายก็ต้องการน้ำเพื่อทดแทนของเหลวที่ฉี่ออกไป ทำให้รู้สึกหิวน้ำบ่อยตามไปด้วย
#3หิวบ่อย
เมื่อร่างกายไม่สามารถดูดซึมน้ำตาลได้ดีเหมือนเดิม ร่างกายก็จะไม่ได้รับพลังงานเต็มที่ ทำให้เกิดความหิวอยู่ตลอดเวลา
#4ชาที่นิ้วมือและนิ้วเท้า
อาการชาที่นิ้วมือและนิ้วเท้า เป็นสัญญาณว่าเส้นประสาทเสียหาย เนื่องจากระดับน้ำตาลสูง ซึ่งบางคนอาจจะเกิดสัญญาณนี้ตั้งแต่แรก แต่บางคนอาจจะเกิดขึ้นหลังจากที่เป็นเบาหวานมาหลายปีแล้ว
#5แผลหายช้า
เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง จะทำให้หลอดเลือดแคบลง เลือดไหลช้าลง ทำให้สารอาหารและออกซิเจนเดินทางไปถึงบาดแผลช้าลงด้วย แผลจึงหายช้า
#6ตาพร่ามัว
ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างกะทันหัน จะส่งผลต่อหลอดเลือดขนาดเล็กในดวงตา ทำให้ตาเบลอได้ในบางเวลา
#7ติดเชื้อง่าย
คนที่เป็นเบาหวานมักจะติดเชื้อได้บ่อยกว่าใครๆ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรา
#8ผิวหนังคัน
อาการคันที่ผิวหนัง อาจเกิดจากภาวะการติดเชื้อรา ผิวแห้ง หรือการไหลเวียนเลือดที่ไม่ดี ซึ่งมักพบเจอที่บริเวณขา
#9ปากแห้ง
อาการนี้เป็นหนึ่งในอาการที่พบบ่อยในโรคเบาหวาน ทำให้มีปัญหาในการเคี้ยว กลืน หรือพูด รวมถึงการติดเชื้อในช่องปาก
จะเห็นได้ว่าโรคเบาหวานมีสัญญาณเตือนที่หลากหลาย ทุกสัญญาณล้วนแต่บ่งบอกให้เพื่อนๆได้มีเวลารู้ตัวก่อน เพื่อที่จะได้หันมาดูแลตัวเองให้มากขึ้น แต่ถ้าเพื่อนๆยังละเลยมัน จะทำให้กลายเป็นปัญหาในระยะยาวอย่างแน่นอน
การรู้ว่าเป็นโรคเบาหวานตั้งแต่เนิ่นๆ และเริ่มการรักษาอย่างรวดเร็ว สามารถลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนได้ ผมจึงอยากให้เพื่อนๆ ช่วยกันแชร์เรื่องนี้ออกไป จะได้เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เตือนให้คนอื่นได้ระวังตัวเองให้มากกว่าเดิม และช่วยลดอันตรายจากเบาหวานได้ครับ
อ้างอิง
https://bit.ly/3bbxs54
https://bit.ly/3xFxz0g
“ไม่เค็ม ไม่อร่อย”
ใครที่คิดแบบนี้ต้องระวัง
เป็นไตวายเรื้อรังนะครับ!
จากข้อมูลการศึกษาของสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย พบว่าคนไทยป่วยเป็นโรคไตมากถึง 8 ล้านคน และยังมีแน้วโน้มว่าจะสูงขึ้นในทุกๆ ปีอีกด้วย! แต่ก่อนที่จะตกใจไปมากกว่านี้ ผมว่าเราไปทำความรู้จักกับโรคนี้กันหน่อยดีกว่า
ไตวายเรื้อรัง คือภาวะที่ไตทำงานผิดติ ทำให้ขับของเสีย น้ำ หรือของเหลวส่วนเกินออกมาจากกระแสเลือดได้ไม่หมด สิ่งที่คั่งค้างอยู่นี้จึงทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ขึ้นมานั่นเองครับ ซึ่งระยะเวลาที่ทำให้ไตทำงานผิดปกติจะอยู่ที่ประมาณ 3 เดือน แล้วไตก็จะเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ ที่น่าเป็นห่วงก็คือ โรคไตวายเรื้อรังจะไม่แสดงออกในระยะแรกๆ ทำให้หลายๆ คนปล่อยทิ้งไว้จนอาการหนักและรักษายากขึ้น หรืออาจจะทำให้เกิดไตวายเฉียบพลันได้เลย
ในระยะแรกๆ ไตวายเรื้อรังจะไม่แสดงอาการก็จริง แต่เมื่อเข้าระยะท้ายๆ คนที่ป่วยเป็นโรคไตก็อาจจะเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อ่อนเพลีย คันตามตัว ปวดเอว ปวดหลัง ฉี่บ่อยตอนกลางคืน หรือว่าเท้าบวม ท้องบวม และประจำเดือนขาด ซึ่งก็จะต้องรีบเข้ารับการรักษาอย่างเร็วที่สุด
สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดโรคไตวายก็คือโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง แน่นอนครับว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดสองโรคนี้ก็ไม่ได้ไกลตัวเลย เพราะมันคือ “อาหาร” ที่เรากินเข้าไป พอเกิดโรคขึ้นมาได้โรคหนึ่ง ไตวายเรื้อรังก็เตรียมพร้อมที่จะเล่นงานเพื่อนๆ ได้เหมือนกัน ดังนั้น การใส่ใจกับอาหารจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ
อย่างที่เรารู้กันว่า ถ้ากินเค็ม ไตก็จะทำงานหนัก ใช่แล้วครับ ยิ่งเค็มเท่าไรไตก็ยิ่งเหนื่อย หลายๆ คนมักจะเข้าใจผิดว่ากินเค็มหมายถึงเกลือหรือน้ำปลาเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว ความเค็มที่น่ากลัวมาจากสิ่งที่เรียกว่า “โซเดียม” ครับ ไม่ว่าจะเป็นน้ำปลา เกลือ ซอสปรุงรส ซอสมะเขือเทศ ผงชูรส เนื้อหมักซอส น้ำจิ้มต่างๆ หรือแม้แต่อาหารแช่แข็งก็มีปริมาณโซเดียมที่สูงมากจนน่าทึ่ง
ปกติคนเราควรได้รับโซเดียมไม่เกิน 1 ช้อนชาหรือ 2,000 มิลลิกรัมเท่านั้น แต่เพื่อนๆ ลองอ่านฉลากโภชนาการจากซองขนม น้ำอัดลม หรือว่าอาหารสำเร็จรูปที่ซื้อมาดูสิครับ ลองคำนวณคร่าวๆ ว่าวันหนึ่งเรากินอะไรเข้าไปบ้าง แล้วเพื่อนๆ ก็จะได้คำตอบว่าทำไมคนไทยถึงเป็นโรคไตเพิ่มขึ้นเยอะขนาดนี้
เมื่อรู้แล้วว่าอะไรคือศัตรูของสุขภาพ เพื่อนๆ ก็ควรจะลดปริมาณอาหารเหล่านั้นลงมาบ้างนะครับ ไม่ใช่ว่ากินไม่ได้ แต่ต้องกินอย่างพอดี ไม่อย่างนั้น อร่อยวันนี้ แต่ไตวายวันหน้ามันก็ไม่คุ้มกันเนอะ
#ลืมป่วย
อ้างอิง:
1. https://mayocl.in/2GjEbL4
2. https://bit.ly/3fyk0If
หน้าที่ 3 จาก 8