ปวดหัวไมเกรนอยู่บ่อยๆ
อาจเกิดจากร่างกายขาด “แมกนีเซียม” 

➠ แม้อาการไมเกรนจะไม่ใช่โรคร้าย แต่ก็รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก และส่งผลต่อปัญหาสุขภาพในระยะยาว ดังนั้น เราจึงควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่เป็นแรงกระตุ้น เช่น แสง เสียง กลิ่น ความเครียด หรือการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ แต่ที่หลาย คนอาจยังไม่ทราบก็คือ หากร่างกายของคนเราขาด “แมกนีเซียม” ก็อาจส่งผลให้เสี่ยงปวดไมเกรนได้มากขึ้นเช่นกันค่ะ

➠ แมกนีเซียม (Magnesium) ถือเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายของคนเราเป็นอย่างมาก เพราะมีความสำคัญต่อการทำงานของเอ็นไซม์ในกระบวนการเผาผลาญ สร้างสาร DNA, RNA,โปรตีน การสร้างและเก็บพลังงานในเซลล์ และกระบวนการย่อยสลายกลูโคสของร่างกาย

➠ นอกจากนี้ แมกนีเซียมยังมีบทบาทในการรักษาระดับของสารอิเล็กโตรไลท์ภายในเซลล์ ซึ่งส่งผลต่อการหดและคลายตัวของกล้ามเนื้อ และยังมีคุณสมบัติลดการหดเกร็งของหลอดเลือด จึงมีส่วนช่วยลดความถี่และความรุนแรงของไมเกรนได้นั่นเองค่ะ

➠ จากงานวิจัยพบว่า การบริโภคแมกนีเซียมเป็นประจำมีส่วนช่วยลดความถี่ในการเกิดไมเกรนได้ถึง 41.6% และยังพบว่าผู้ที่ปวดหัวไมเกรนจะมีระดับแมกนีเซียมในร่างกายต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ

➠ แล้วควรทานแมกนีเซียมต่อวันมากเพียงใด จึงจะช่วยลดเสี่ยงไมเกรน จากการศึกษาพบว่า หากหมั่นทานแมกนีเซียมเป็นประจำให้ได้ 300-600 มิลลิกรัม ก็จะสามารถช่วยป้องกันการเกิดไมเกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดความถี่ของการปวดหัวไมเกรนลง และช่วยลดปริมาณการใช้ยาแก้ปวดไมเกรนแบบไม่จำเป็นได้เป็นอย่างมากค่ะ

นอกจากนี้ ก็อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอ ทำกิจกรรมผ่อนคลายสมอง หลีกเลี่ยงปัจจัยที่เป็นแรงกระตุ้นให้เกิดไมเกรน งดดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน บุหรี่ ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ รวมถึงการเสริมแมกนีเซียมในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารก็เป็นวิธีที่ตอบโจทย์เช่นกันค่ะ 

อ้างอิงจากเพจ อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ

ต้นเหตุของโรคบางโรค เกิดขึ้นจากการดื่มน้ำไม่พอ ห้ามคิดว่าไม่เป็นไรเชียวนะครับ เพราะการดื่มน้ำน้อยไป จะมี 6 โรคนี้ถามหาแน่นอน

วันนี้เราได้รวบรวม 6 โรคแย่ๆที่จะเกิดขึ้นเมื่อเพื่อนๆ ละเลยการดื่มน้ำ จะมีโรคอะไรบ้าง มาดูกันเลยครับ

1. โรคอ้วน
อย่าเข้าใจผิดว่า การดื่มน้ำน้อยจะทำให้น้ำหนักลง เพราะจริงๆแล้วน้ำมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับของเสียออกจากร่างกาย หากดื่มน้ำน้อย ของเสียจะถูกกำจัดน้อยลงไปด้วย

นอกจากนี้น้ำยังช่วยอิ่มท้อง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการลดน้ำหนัก คนที่ดื่มน้ำน้อยจึงเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนได้นั่นเอง

2. โรคท้องผูกหรือโรคริดสีดวงทวาร
ปัญหาการดื่มน้ำน้อยทำให้ลำไส้ทำงานหนัก และทำให้อุจาระแข็งและแห้ง ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้การขับถ่ายเป็นไปได้ยาก หรือต้องใช้เวลาเบ่งนานกว่าจะขับออกมาได้

การดื่มน่้ำน้อยไป ทำให้เกิดปัญหาท้องผูก และอาจพัฒนาเป็นโรคริดสีดวงทวารได้ หาไม่อยากเกิดโรคนี้ การทานอาหารที่มีไฟเบอรรสูงและดื่มน้ำให้เพียงพอ ก็เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง

3. โรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ
สิ่งแรกๆที่สังเกตได้ เมื่อดื่มน้ำน้อย ปัสสาวะจะมีสีที่ข้นขึ้น นั้นเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า ปริมาณน้ำที่ได้รับไม่เพียงพอที่ร่างกายต้องการ

และถ้าปล่อยไว้นานๆ ไตจะเริ่มทำงานหนักกว่าเดิม อีกทั้งเพิ่มโอกาศการติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะส่วนล่างได้ง่าย จึงเกิดโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบหรือโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบนั้นเอง

4. โรคความดันโลหิต
การดื่มน้ำน้อยจะส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดอย่างมาก ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานแย่ลง เลือดข้น และส่งผลต่อเนื่องไปถึงความดันโลหิตสูง และถ้าความดันโลหิตสูง ก็จะนำมาโรคอื่นๆตามมาอีกมากมาน

ดังนั้น ถ้าอยากมีสุขภาพที่ดี แค่ดื่มน้ำให้เพียงพอก็เป็นวิธีง่ายๆที่ดีต่อสุขภาพ

5. โรคสมองเสื่อม
การที่เพื่อนๆดื่มน้ำน้อย จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคสมองเสื่อมก่อนวัยอันควรได้ เนื่องจากน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญที่อยู่ในสมอง อาการแรกที่จะปรากฏก็คือ ไม่รู้สึกสดชื้น ไม่กระฉับกระเฉง

ยิ่งนานวันเข้าจะทำให้สมองเสื่อมลงเรื่อยๆ การขนาดน้ำแค่เพียง 2% ก็อาจทำให้เพื่อนๆ สูญเสียความจำในระยะสั้นหรือมีปัญหากับการคำนวนตัวเลข และแน่นอนว่าการขาดน้ำจะทำให้เซลล์สมองเสียหาย หดตัว และเกิดสมองเสื่อมได้ในที่สุด

6. โรคข้อและกระดูก
สารน้ำภายในแกนกลางของหมอนรองกระดูกมีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึง 80% หากหมอนรองกระดูกแห้ง อาจมีผลทำให้ข้อต่อบาดเจ็บ หรือเกิดการอักเสบได้ง่ายกว่าเดิม

หากเพื่อนๆไม่อยากพบเจอปัญหาเกี่ยวกับข้อและกระดูก อย่าลืมดื่มน้ำให้เพียงพอด้วยนะคะ เพราะสิ่งที่ส่งผลสำคัญต่อการทำงานของข้อต่อส่วนต่างๆ ของร่างกายโดยเฉพาะเวลาที่ต้องออกแรงเดินหรือยกของนั้นเอง

เราเชื้อว่า ไม่มีใครอยากเป็นโรคเหล่านี้กันอยู่แล้ว และเพื่อนๆก็สามารถป้องกันตัวเองได้เพียงดื่มน้ำให้มากขึ้นกว่าเดิม การเติมน้ำให้ร่างกายในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยลดโอกาศเกิดโรคได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการมีสุขภาพที่แข็งแรงและลดโอกาศป่วยให้น้อยลง

ยังมีความรู้เกี่ยวกับสุขภาพด้านอื่นๆอีกมายมายที่ผมพร้อมแบ่งปันให้เพื่อนๆได้รู้ และดูแลตัวเองไปด้วยกันค่ะ