หมู่ 10 บ้านพุวิเศษ ต.เขากะลา อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ 60130 081-4161915 saichontangthai@gmail.com วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 09.00 น. - 16.00 น.
ครู กศน.ตำบลเขากะลา

IMG 8622.jpq

นางสาวสายชล  แตงไทย

ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบลเขากะลา

 เบอร์โทร 056-267-523

 

 

ข่าวประชาสัมพันธ์ สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดนครสวรรค์

ข่าวประชาสัมพันธ์ทั่วไป

19 มิถุนายน 2568

การศึกษา, เรียน สกร., รับสมัครนักศึกษา, สกร.นครสวรรค์, สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดนครสวรรค์
แพลตฟอร์ม กศน.นครสวรรค์

จำนวนผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์
032766
วันนี้
เมื่อวานนี้
สัปดาห์นี้
สัปดาห์ที่แล้ว
เดือนนี้
เดือนที่แล้ว
ผู้เข้าชมทั้งหมด
16
27
100
32468
503
1182
32766

Your IP: 192.168.1.1
2025-06-19 16:07

สอบวัดความรู้ระดับชาติ (n-net) ในวันที่ 7 มีนาคม 2564 ณ โรงเรียนพยุหะวิทยาคม

 


รายชื่อ n net

 กศน.ตำบลเขากะลา จัดสอนอาชีพการทำขนมทองม้วนสด ให้กับประชาชนตำบลเขากะลา อำเภอพยุหะคีรี1582818810 news image

หน้าที่ 1 จาก 2

ข่าวประชาสัมพันธ์ ไทยพีบีเอส

ข่าวไทยพีบีเอส - home

19 มิถุนายน 2568

ข่าวที่คุณวางใจ โดยสำนักข่าวไทยพีบีเอส ติดตามข่าวและสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศได้ที่นี่่
  • ขวากหนาม "เพื่อไทย" ต้องฝ่าหาก "แพทองธาร" เลือกนั่งนายกฯ ต่อ
    19 มิถุนายน 2568

    น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เสียงในคลิปคือ "แทคติก" ในการเจรจากับผู้นำกัมพูชา เพื่อต่อรอง-หว่านล้อม แล้วสรุปว่าไม่ใช่ความผิดพลาดไหม ? และการ "ลาออก" ไม่ใช่ "ทางออก" หรือเปล่า

    คนในพรรคเพื่อไทยยืนยันที่จะ "เดินต่อ" ด้วยพรรคร่วมรัฐบาลที่ยังคงอยู่และมั่นใจว่ามีเสถียรภาพเพียงพอที่จะประคับประคองกันไปได้ แต่ยอมรับว่าจากนี้ไปอุปสรรค-ขวางหนามเยอะ แต่นายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทยมีเจตนาจะอยู่ทำหน้าที่ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งในชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นการแสดงความรับผิดชอบในฐานะผู้นำประเทศ

    และเมื่อได้พูดคุยกับคนในพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล ต่างก็รับรู้ได้ว่าต้องเจอกับกระแสต่อต้านรัฐบาล-ต่อต้านนายกฯ แพทองธาร เจอกับความสุ่มเสี่ยงในสภาฯ ทั้งจากการโหวตร่างกฎหมายและฝ่ายค้าน และยังมีคดีความทางการเมืองอีกหลายเรื่อง แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ไม่ปฏิเสธว่ารัฐบาล "เพื่อไทย" ที่ไร้ "ภูมิใจไทย" อายุสั้น อยู่ไม่ครบเทอม และก็ชี้ว่า "ลาออก" ไม่ใช่ "ทางออก" ของปัญหาที่เกิดขึ้น

    รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำไหม ? คาดว่าจะเลยปริ่มไปอยู่พอสมควร ขณะนี้อยู่ที่ว่า สส.ของ 2 พรรคนี้ "รวมไทยสร้างชาติ-ประชาธิปัตย์" จะอยู่ร่วมสนับสนุนรัฐบาลเพื่อไทยครบทุกเสียง ในทุกโอกาสไหม จะไม่ครบก็ปริ่มจริงๆ แต่หากครบก็บวก/ลบ 270

    ต้นทุน รัฐบาลพรรคเพื่อไทย-ไร้พรรคภูมิใจไทย 200 ถ้วนๆ "เพื่อไทย+กล้าธรรม+ชาติไทยพัฒนา+ประชาชาติ+ชาติพัฒนา+ไทรวมพลัง และพรรคเล็ก"

    ตามที่ตรวจสอบล่าสุด จะมีพรรคที่คงอยู่กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย คือ รวมไทยสร้างชาติ+ประชาธิปัตย์ แต่ก็มีปมซ่อนอยู่ว่ามาทุกคน-ทุกเสียงไหม เพราะ 2 พรรคนี้แตกเป็น 2 กลุ่ม "กลุ่มหนุนกับกลุ่มไม่หนุนพรรคเพื่อไทย"

    "รวมไทยสร้างชาติ" มี 2 กลุ่ม กลุ่มนายสุชาติ ชมกลิ่น กับกลุ่มนายเอกนัฎ พร้อมพันธ์ ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ก็มี 2 กลุ่มเหมือนกัน กลุ่มนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน และกลุ่มนายเดชอิศม์ ขาวขำ (หรือว่า 3 กลุ่มผู้อาวุโสทางการเมือง)

    ขณะเดียวกันล่าสุดบอกว่า "เพื่อไทย" เทหมดหน้าตัก เก้าอี้ "ครม.แพทองธาร 1/1" ให้ได้ตามที่ขอ เว้นแต่เก้าอี้ "มท.1" สส.ของพรรคไทยสร้างไทย กับ สส.พรรคพลังประชารัฐ (กลุ่มมะขามหวาน) จะมาด้วย หากมาครบก็ 270 บวก/ลบ แต่หากมาไม่ครบก็ปริ่มน้ำ

    ส่วน "ภูมิใจไทย" ขณะนี้นิ่ง-เงียบ และด้วยท่าทีที่ว่านี้ นี่คือฝ่ายค้าน 234 เสียง หากตั้งสมมติฐานไว้ที่ "ดิ้นสู้" ถามว่าจะดิ้นไปกับใคร มองซ้าย-มองขวาตอนนี้มีคนพูดว่า "มิตรเทียม" ทั้งนั้น ถามว่า "ภูมิใจไทยจับมือกับพรรคประชาชน" จัดตั้งรัฐบาลไปรอดไหม คณิตศาสตร์ทางการเมือง "พอรอด"

    ไม่ได้ยากที่ "ภูมิใจไทยหรือนายอนุทิน" แต่จังหวะนี้ไปยากที่พรรคประชาชน จะอธิบายกับมวลชนอย่างไรจับมือร่วมรัฐบาล ภูมิใจไทย นั่งเก้าอี้นายกฯ / พรรคประชาชน ครองเก้าอี้ รมต.กระทรวงเกรด A แล้วจะงัดข้อกันหรือไม่ นี่คือเหตุผลที่พรรคประชาชนเลือกเรียกร้องให้ "ยุบสภา" เพื่อโอกาสผู้นำประเทศ ไม่ใช่กระทรวงเกรด A ท่ามกลางคำครหา "แค่เหยื่อการเมือง"

    แล้วหาก "ภูมิใจไทย" ดิ้นสู้ในแบบไม่มีพรรคประชาชน ทำยังไงก็ไปไม่ไหว ทั้งคณิตศาสตร์การเมืองและสมการการเลือกนายกรัฐมนตรี เว้นแต่นายอนุทิน จะนั่งเก้าอี้นายกฯ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าปัญหาจะจบ หรือจะดึงบัญชีนายกฯ ของ "รวมไทยสร้างชาติ" ก็ดูจะยาก หรือจะเปิดทางให้ "ประชาธิปัตย์" ขึ้นแท่น

    ปิดจบ "ภูมิใจไทย-ประชาชน" เป็นฝ่ายค้าน เพื่อไทยและพรรคร่วมฯ เดิม "กอดคอกันเดินต่อ" รับบทหนักไทย-กัมพูชา (แก้ต่อ) / เสี่ยงร่วง-ไม่ร่วง (เปิดสภาฯ ถกร่างกฎหมายสำคัญ) / คดีความทางการเมือง+คดีความใหม่ "คลิปเสียง" รัดตัวนายกฯ แพทองธาร รวมถึง 2 คดีความบ่วงคล้องพ่อของนายกฯ

    อ่านข่าว

    พรรคร่วม-ฝ่ายค้าน จี้นายกฯ "ลาออก-ยุบสภา" รับผิดชอบทางการเมือง

    ภูมิธรรม" ยันรัฐบาลเสียงพอแม้ ภท.ถอนตัว-พรรคร่วมเหนียวแน่น

    จุดยืน “แพทองธาร-เพื่อไทย” ยื้อยาว ปิดทาง “อนุทิน” นั่งนายกฯ

    กางข้อแตกต่าง "ยุบสภา" และ "ลาออก"

  • ย้อนมองปมคลิปคุยผู้นำ ตั้งคำถามมารยาทการทูต-เส้นแบ่งสัมพันธ์ส่วนตัว
    19 มิถุนายน 2568

    การบันทึกเสียงระหว่างสนทนา ของสมเด็จฯ ฮุน เซน ถูกตั้งคำถามถึงมารยาททางการทูต และการกระทำนี้ นับเป็นการแทรกแซงการเมืองไทยหรือไม่

    คำถามแรก การพูดคุยระหว่างผู้นำประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีข้อขัดแย้งกัน มีการบันทึกเสียง เป็นปกติหรือไม่

    ผศ.ประพีร์ อภิชาตสกล อาจารย์ประจำหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต คณะสังคมศาสตร์ หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และ อุปนายกสมาคมอเมริกาศึกษาในประเทศไทย อธิบายว่าเป็นเรื่องปกติที่ทั่วโลกทำกัน

    ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ต้องเตรียมข้อมูลเพื่อการพูดคุยอย่างเป็นทางการ และทั้งสองประเทศ จะบันทึกเป็นรายงานเอกสาร ว่าพูดคุยหรือตกลงกันเรื่องอะไร ซึ่งปัจจุบัน สามารถต่อสายตรง คุยกันได้ทันที จึงต้องระวังเนื้อหาการพูดคุย และการตัดสินใจ ซึ่งอาจมีผลผูกพัน

    "การตัดสินใจอะไรต่างๆ อาจจะผูกมัด พันธกรณีให้ชาตินั้นๆ ต้องปฏิบัติตามด้วย ดังนั้นการเตรียมตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญเมื่อก่อนเป็นระบบแบบนี้ แต่เดี่ยวนี้ใช้โทรศัพท์ง่ายขึ้น ผู้นำต่อสายคุยกันเอง"

    แต่การปล่อยคลิปในลักษณะเช่นนี้ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะเป็นระดับผู้นำของประเทศคุยกัน

    ผศ.ประพีร์ยกตัวอย่าง ปีที่แล้ว มีการปล่อยคลิปเสียงสนทนา แต่ไม่ใช่ระดับผู้นำ เป็นการพูดคุยของทูต สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของฟิลิปปินส์ เรียกร้องให้กระทรวงต่างประเทศของฟิลิปปินส์ ขับนักการทูตจีนออกจากประเทศ ฐานปล่อยให้เสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ ระหว่างนักการทูตจีน กับนายพลในกองทัพเรือฟิลิปปินส์ ที่หารือกัน เกี่ยวกับข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ "หลุดออกไป"

    ระหว่างสมเด็จฯ ฮุน เซน กับ น.ส.แพทองธาร นอกจากจะเป็นระดับผู้นำ ทั้งสองคน และสองครอบครัว ยังมีความสนิทสนมใกล้ชิด

    รศ.ดุลยภาค ปรีชารัชช สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า ผู้นำประเทศ ต้องมีเส้นแบ่งที่ชัดเจน ไม่เช่นนั้นจะมีความเสี่ยงที่อีกฝ่ายอาจหยิบมาใช้ต่อรอง และมองว่าครั้งนี้เป็นผลเสียของฝ่ายกัมพูชาเช่นกัน

    ใช้การทูตแบบมีชั้นเชิง แต่ขาดศีลธรรม เน้นการแบล็กเมล์ บางครั้งอาจเป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การเจอแบบนี้บ่อยๆ นานาชาติก็ไม่กล้าเข้ามาคบค้าปฏิสัมพันธ์

    สอดคล้องกับ ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บอกว่า การพูดคุยโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว แม้จะบอกว่าเป็นเทคนิคเจรจา แต่มีความเสี่ยง เพราะเป็นการพูดคุยเรื่องระดับประเทศ

    นี่ไม่ใช่ธุรกิจของครอบครัว แต่เป็นเรื่องของบ้านเมือง ทำให้เกิดคำถามใหญ่ๆ ว่า ทุกครั้งที่บอกว่าคุยกันแล้ว คุยกันแบบนี้หรือไม่

    อ่านข่าว :

    กต.ส่งหนังสือประท้วง "กัมพูชา" ปมคลิปเสียง ชี้ผิดมารยาท-ทำลายความเชื่อใจ

    นายกฯ ขออภัย ปชช.ปมคลิปหลุด ลั่นไม่มีเวลาทะเลาะกันเอง ผนึกกองทัพป้องอธิปไตย

    ผบ.ทบ.ประกาศจุดยืน ยึดมั่นระบอบประชาธิปไตย

  • เปิดประวัติ "เคลียง ฮวด" ตัวละครลับคลิปเสียงแพทองธาร-ฮุน เซน
    19 มิถุนายน 2568

    วันนี้ (19 มิ.ย.2568) จากเหตุสังหาร นายลิม กิมยา นักเคลื่อนไหวทางการเมืองชาวกัมพูชา บริเวณเกาะกลางถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศฯ ใกล้วงเวียนสิบสามห้าง เมื่อวันที่ 7 ม.ค.2568 มีชื่อ "นายเคลียง ฮวด" ถูกอ้างถึงในเหตุการณ์นี้ด้วย

    นายสม รังสี อดีตผู้นำฝ่ายค้าน ที่ขณะนี้ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ เผยแพร่เนื้อหาในเว็บไซต์วันที่ 10 ม.ค.อ้างถึงไฟล์เสียงเดือน ก.ย.2567 ว่า เป็นเสียง สมเด็จ ฮุน เซน คุยกับ นายเคลียง ฮวต เกี่ยวกับการปราบปรามนักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านที่หลบหนีมาที่ประเทศไทย โดยสั่งให้ร่วมมือกับแนวร่วมในไทย เพื่อส่งตัวนักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านกลับกัมพูชา ไม่ว่าจะ "เป็นหรือตาย"

    นายฮวด ปฏิเสธผ่านสื่อ เรดิโอ ฟรี เอเชีย เมื่อเดือน ม.ค.2568 ระบุไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยิงอดีตสมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านเสียชีวิต และ บอกว่าไม่ต้องการตอบโต้คนทรยศอย่าง "สม รังสี" และ ยังกล่าวหาว่า สม รังสี โจมตี ครอบครัวสมเด็จ ฮุน เซน ที่เขาเคารพนับถือ

    กรณี นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองหายตัวไปในกัมพูชาเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2563 เป็นอีกประเด็นที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่า นายฮวด รับรู้เหตุการณ์หรือไม่

    พี่สาวนายวันเฉลิมบอกว่า ระหว่างลี้ภัยที่กัมพูชา นายฮวด ทำหน้าที่ดูแลน้องชายรวมถึงผู้ลี้ภัยชาวไทยคนอื่น ๆ วันที่นายวันเฉลิมหายไป ปรากฏภาพวงจรปิดปรากฏภาพรถสีขาวแล่นออกไป จากนั้น 1 นาทีต่อมา รถเอสยูวีสีดำที่คาดว่าเป็นคันที่อุ้มวันเฉลิม จึงแล่นออกไป พี่สาวนายวันเฉลิม อ้างว่า รถคันสีขาว เป็นรถคันเดียวกับที่นายฮวด ใช้ไปรับผู้ลี้ภัยที่ด่านปอยเปตเป็นประจำ

    มีข้อมูลปรากฏในสื่อหลายสำนักว่า นายฮวด วัย 54 ปี ผู้ที่ทำหน้าที่ล่ามแปลภาษาในคลิปเจรจาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับ สมเด็จ ฮุน เซน มีตำแหน่งเป็นทั้ง นายกเทศมนตรี เป็นรองผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ รวมถึงเป็นผู้ช่วยของ ฮุน เซน สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชา

    เพราะสื่อสารภาษาไทยได้คล่องแคล่ว มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าหน้าที่และเครือข่ายคนไทย ทำให้นายฮวดรับหน้าที่ติดต่อประสานงานในเรื่องที่เกี่ยวกับประเทศไทย รวมถึง นักการเมืองระดับสูงของไทย

    นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน อดีตเคยเคลื่อนไหวทางการเมืองในฐานะประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ยืนยันว่า นายฮวด เป็นคนที่ได้รับความไว้วางใจ จากสมเด็จ ฮุน เซน และ นายทักษิณ ชินวัตร

    บทบาทสำคัญที่สะท้อนว่า เคลียง ฮวด เป็นตัวแทนของสายสัมพันธ์ระหว่าง สมเด็จ ฮุน เซน กับ นายทักษิณ ก็คือ เขาได้รับมอบหมายจากสมเด็จ ฮุน เซน ทำหน้าที่ดูแลคนเสื้อแดงที่ลี้ภัยทางการเมืองไปกัมพูชา ตั้งแต่ปี 2553 เรื่อยมากระทั่งหลังรัฐประหาร ปี 2557

    ไม่เฉพาะคนเสื้อแดง มีข้อมูลว่า เขาช่วยดูแล นายทักษิณ ขณะหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ภาพถ่าย ปี 2558 อาจช่วยยืนยันข้อมูลนี้ได้ 

    อ่านข่าวอื่น :

    โฆษก "ฮุน เซน" ชี้ไทยกลัวกัมพูชามากที่สุดในยุคตระกูลฮุน

    นายกฯ บินอุบลฯ ให้กำลังใจทหาร เคลียร์ใจ พล.ท.บุญสิน มทภ.2 

  • โฆษก "ฮุน เซน" ชี้ไทยกลัวกัมพูชามากที่สุดในยุคตระกูลฮุน
    19 มิถุนายน 2568

    วันนี้ (19 มิ.ย.2568) สำนักข่าว Khmer Times รายงานอ้างคำพูดของโฆษกสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่ระบุว่า ไม่เคยมียุคใดที่ไทยเกรงกลัวกัมพูชาเท่ากับยุคของสมเด็จฮุน เซน และฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา อีกแล้ว

    และนับตั้งแต่ที่เกิดข้อพิพาทเรื่องพรมแดนระหว่างไทยและกัมพูชา สมเด็จฮุน เซน มักพูดว่าความเป็นพี่น้องคือเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องของดินแดนเป็นเรื่องอธิปไตยของชาติ ซึ่ง 2 เรื่องนี้ต้องไม่นำมาปะปนกัน และเรื่องดินแดนไม่ใช่สิ่งที่จะถูกดูหมิ่นหรือรุกรานได้

    ผลสำรวจชี้ "ชาวกัมพูชา" พอใจรัฐบาลรับมือปัญหาพิพาท

    ขณะที่ AVI สถาบันวิจัยอิสระในกรุงพนมเปญ เผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นต่อกรณีข้อพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา โดยสอบถามความเห็นชาวกัมพูชา 1,588 คน จากทุกช่วงวัย ครอบคลุมแรงงานทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงในภาคเอกชน เจ้าหน้าที่รัฐ นักศึกษา ธุรกิจและกลุ่มอื่นๆ

    พบว่าร้อยละ 99.8 สนับสนุนรัฐบาลในการยื่นข้อพิพาทพื้นที่ 4 จุด สู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ และร้อยละ 95.8 สนับสนุนให้กองทัพกัมพูชาเตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการรุกรานของกองทัพไทย ขณะที่ร้อยละ 88.7 เห็นด้วยที่รัฐบาลกัมพูชาสั่งห้ามนำเข้าผักและผลไม้จากไทย เพื่อตอบโต้การปิดด่านแต่เพียงฝ่ายเดียวของไทย

    นอกจากนี้ ร้อยละ 29.3 จากจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อมั่นในการใช้กลไกทวิภาคีเพื่อแก้ไขข้อพิพาท และร้อยละ 1.1 สนับสนุนกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ร่วมกัน ส่วนอีกร้อยละ 0.2 สนับสนุนสงคราม

    อ่านข่าว

    "ฮุน มาเนต" ย้ำข้อพิพาทชายแดนไม่ใช่ละครการเมือง ชาวกัมพูชาเดินขบวนหนุน

    กต.ส่งหนังสือประท้วง "กัมพูชา" ปมคลิปเสียง ชี้ผิดมารยาท-ทำลายความเชื่อใจ

    "นพดล" ยืนยันนายกฯ ปกป้องประโยชน์ชาติ ขอคนไทยอย่าแตกแยก