สอบวัดความรู้ระดับชาติ (n-net) ในวันที่ 7 มีนาคม 2564 ณ โรงเรียนพยุหะวิทยาคม
นางสาวสายชล แตงไทย
ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบลเขากะลา
เบอร์โทร 056-267-523
ประกาศสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดนครสวรรค์
เรื่อง ประกาศผู้ชนะการเสนอราคาประกวดราคาซื้อหนังสือเรียนภาคเรียนที่ 1/2568
ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลายด้วยวิธีการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
ประกาศเรื่อง ประกวดราคาซื้อหนังสือเรียนภาคเรียนที่ 1/2568
ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์
ประกาศผลการสอบคัดเลือกเพื่อเลือกสรรเป็นพนักงานจ้างเหมาบริการ
ตำแหน่ง พนักงานขับรถห้องสมุดเคลื่อนที่ (โมบาย)
ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้ารับการสอบสัมภาษณ์ และทดสอบปฏิบัติ
ตำแหน่ง พนักงานขับรถห้องสมุดเคลื่อนที่ (โมบาย)
สอบวัดความรู้ระดับชาติ (n-net) ในวันที่ 7 มีนาคม 2564 ณ โรงเรียนพยุหะวิทยาคม
วันนี้ (23 ก.ค.2568) ระดับน้ำในแม่น้ำน่านเพิ่มสูงเกินพนังกั้นน้ำ หลากท่วมบ้านสวนตาล เขตเทศบาลเมืองน่าน จ.น่าน ซึ่งเป็นจุดต่ำและเป็นโค้งน้ำ ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมชุมชนแห่งนี้เป็นจุดแรก ก่อนขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว
ชาวบ้านหลายคนกล่าวว่า มีบทเรียนจากน้ำท่วมเมื่อปี 2567 ทำให้เตรียมความพร้อมเก็บทรัพย์สินและเคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบาง-ผู้ป่วยออกจากพื้นที่ไปก่อนแล้ว ซึ่งน้ำท่วมครั้งนี้คาดว่าบางจุดระดับน้ำสูงถึง 2.80 เมตร
สำหรับการวัดระดับน้ำ "แม่น้ำน่าน" พบว่าระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ หากเทียบตั้งแต่ช่วงเวลา 13.00 น. ระดับน้ำวัดได้ 8.28 เมตร, เวลา 15.00 น. ระดับน้ำอยู่ที่ 8.58 เมตร, เวลา 16.00 น. วัดได้ 8.71 เมตร และล่าสุดระดับน้ำยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จุดที่น่าเป็นห่วงคือบริเวณโรงพยาบาลน่านและย่านเศรษฐกิจ เจ้าหน้าที่ระดมนำบิ๊กแบ็กไปทำแนวกั้นบริเวณสะพานนครน่านพัฒนา เพื่อป้องกันน้ำไหลเข้าท่วมโรงพยาบาลน่าน และบริเวณใกล้เคียง นอกจากนี้ยังเร่งช่วยขนย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่และอพยพชาวบ้านบางส่วนไปที่ปลอดภัย หลังน้ำไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและท่วมถนนหลายแห่ง พร้อมทั้งประกาศเสียงตามสายขอความร่วมมือประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำรีบออกจากพื้นที่ เพราะกังวลว่าน้ำจะทะลักผ่านพนังกั้นน้ำและเป็นอันตราย
เวลา 21.00 น. นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน กล่าวว่า แม้ขณะนี้น้ำในแม่น้ำน่านจะไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและเขตเศรษฐกิจสำคัญของเมืองกว่า 70% เทศบาลเมืองน่านยังเดินเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ บริเวณประตูน้ำปากคลองเจ้าฟ้า เพื่อสูบน้ำกรณีน้ำลำห้วยลี่และลำห้วยมุ่นเพิ่มระดับสูงและน้ำในตัวเมืองเพิ่มสูงขึ้น โดยเดินเครื่องพร้อมกัน 3 เครื่อง ซึ่งจะสามารถช่วยระบายน้ำออกจากตัวเมืองกว่า 540 ลูกบากศ์เมตรต่อนาที หรือ 32,400 ลูกบากศ์เมตรต่อชั่วโมง
ขณะที่นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน โพสต์เฟซบุ๊ก "ชัยนรงค์ ผู้ว่าฯ น่าน" ระบุว่า ฝนปีนี้หนักกว่าปี 2567 ทุกภาคส่วนได้เร่งอพยพประชาชนในชุมชนสำคัญ รวมถึงโรงพยาบาลน่านเรียบร้อยแล้วและคาดว่าฝนจะคลี่คลายในวันที่ 25 ก.ค.นี้ จากนั้นจะเร่งสำรวจความเสียหายและฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
พร้อมระบุว่า ขณะนี้ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน จิตอาสา กู้ชีพกู้ภัย เร่งเข้าไปในพื้นที่น้ำท่วม เพื่ออพยพประชาชน หากต้องการความช่วยเหลือสามารถแจ้ง 1784 หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อปท. หรือแจ้งเข้ามาได้ที่เพจทันที เพื่อประสานความช่วยเหลือต่อไป หรือหากต้องการอาหาร สามารถติดต่อได้ที่ 054-716174
อ่านข่าว
น่านฝนตกหนักน้ำหลากท่วมหลายพื้นที่ เตือน ปชช.เตรียมพร้อมอพยพ
สมศักดิ์เกาะติด "พายุวิภา" เตรียมยา-เวชภัณฑ์รับน้ำท่วมน่าน-พะเยา
7 จังหวัดอีสานเฝ้าระวัง "แม่น้ำโขง" เพิ่มสูง-ล้นตลิ่ง 25-29 ก.ค.
"ฮุน ซาเรือน" เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ได้กลายเป็นที่จับตาอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางความตึงเครียดทางการทูตระหว่างไทยและกัมพูชาที่ปะทุขึ้นในช่วงเวลานี้ ด้วยภูมิหลังที่โดดเด่น ทั้งความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับอดีตผู้นำกัมพูชา และประสบการณ์การศึกษาในประเทศไทย ทำให้เขาเป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาททั้งในการสานสัมพันธ์และเป็นชนวนความขัดแย้งทางการทูตที่สำคัญ
นายฮุน ซาเรือน ปัจจุบันอายุ 41 ปี มีถิ่นกำเนิดใน จ.ตาแก้ว ประเทศกัมพูชา จุดที่น่าสนใจที่สุดคือเขาเป็นหลานชายของสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีและประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งทำให้เขามีความเชื่อมโยงระดับสูงกับศูนย์กลางอำนาจของกัมพูชา
ความผูกพันของฮุน ซาเรือนกับประเทศไทยนั้นเข้มข้นมาก เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านรัฐศาสตร์ (ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) จากมหาวิทยาลัยศิลปากร และต่อด้วยปริญญาโทด้านการบริหารจัดการภาครัฐและภาคเอกชนจาก สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ด้วยพื้นฐานการศึกษาในไทยนี้เอง ทำให้เขาสามารถ สื่อสารภาษาไทยได้อย่างดีเยี่ยม และมีเครือข่ายความสัมพันธ์ที่กว้างขวางทั้งในกัมพูชาและประเทศไทย
ความรู้ความเข้าใจในประเทศไทยของเขานี้เองที่ทำให้ประธานวุฒิสภาของไทยเชื่อมั่นว่าเขาจะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองราชอาณาจักรได้เป็นอย่างดี
ก่อนที่จะมารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทยในปี 2565 ฮุน ซาเรือน มีประสบการณ์ในกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชามาอย่างโชกโชน เคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ช่วยรัฐมนตรี, กงสุลใหญ่ราชอาณาจักรกัมพูชา ณ จังหวัดสระแก้ว, อธิบดีกรมเอเชียแปซิฟิกและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ, รวมถึงผู้ช่วยรัฐมนตรี นอกจากนี้ เขายังผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรนักบริหารการทูต (นบท.) รุ่นที่ 5 ในปี 2557 อีกด้วย
ในฐานะทูต ฮุน ซาเรือน ได้แสดงบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยและกัมพูชา โดยในเดือนก.พ.2567 เขาได้เข้าเยี่ยมคารวะประธานวุฒิสภาของไทย ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือถึงการส่งเสริมความร่วมมือในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการศึกษา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเศรษฐกิจ ทั้งไทยและกัมพูชาเห็นชอบที่จะส่งเสริมความร่วมมือในการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน และเศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงแนวคิด Greenomics หรือ Bio-Circular-Green Economy. มีเป้าหมายร่วมกันที่จะผลักดันมูลค่าการค้าโดยรวมให้สูงถึง 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2568 ทูตกัมพูชายังแสดงความชื่นชมรัฐบาลไทยที่ให้การคุ้มครองดูแลแรงงานกัมพูชาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19
อย่างไรก็ตาม บทบาทของ ฮุน ซาเรือน ได้กลายมาเป็นจุดศูนย์กลางของความตึงเครียดทางการทูตในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ในเดือน มิ.ย.2568 เขาถูกกระทรวงการต่างประเทศของไทยเรียกเข้าพบเพื่อรับหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการ กรณีการเปิดเผยคลิปเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ของไทย และสมเด็จฮุน เซน ซึ่งถือเป็นการละเมิดหลักปฏิบัติและมารยาททางการทูตขั้นพื้นฐาน ที่ไม่สามารถยอมรับได้
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ภาพลักษณ์ทางการทูตของไทยได้รับความเสียหาย และถูกมองว่าเป็นการบริหารจัดการที่ขาดความพร้อมและบท
ความสัมพันธ์ยิ่งเลวร้ายลงเมื่อ วันนี้ (23 ก.ค.2568) เกิดเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จนได้รับบาดเจ็บสาหัสและขาขาด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีของไทย ได้สั่งการให้ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต โดยเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศ และ ส่งตัว "ฮุน ซาเรือน" เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย กลับไปยังกัมพูชาทันที
นอกจากนี้ ยังมีการสั่งปิดด่านชายแดนในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 และยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการต่อกัมพูชา เนื่องจากพิสูจน์ทราบว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในการลาดตระเวน
หลังจากการถูกส่งตัวกลับ ฮุน ซาเรือนได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "หลังจากผมกลับแล้ว หวังว่าท่านและพวกยังอยู่นะครับ บริหารแบบใช้อารมณ์เช่นนี้ ไม่รู้ได้กี่น้ำ" ข้อความนี้ถูกตีความอย่างกว้างขวางว่าเป็นการเสียดสีและวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินนโยบายของรัฐบาลไทย ซึ่งยิ่งเพิ่มความร้อนแรงให้กับสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ
แต่โพสต์นี้ก็ถูกลบไปหลังจากโพสต์ได้ไม่ถึง 40 นาที และปิดเฟซบุ๊กส่วนตัวในที่สุด
ที่มาแหล่งข้อมูล : KHMER TIMES, กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา,วุฒิสภา
อ่านข่าวเพิ่ม :
วันนี้ (23 ก.ค.2568) นายนิกรเดช พลางกูร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เปิดเผยหลังการบรรยายสรุปแก่คณะทูตต่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำจุดยืนว่าไทยยึดถือตามหลักปฏิบัติสากล กฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ รวมถึงพันธกรณีตามอนุสัญญาออตตาวา พร้อมทั้งยืนยันว่ายังคงพร้อมที่จะพูดคุยหาทางออกกับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่
ขณะเดียวกันยังเปิดเผยด้วยว่า กต.ได้ยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการแก่ผู้แทนของสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยแล้ว หลังมีหลักฐานยืนยันจากการตรวจสอบและประมวลข้อมูลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ใช้ ไม่มีอยู่ในคลังอาวุธของไทยและเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่โดยฝ่ายกัมพูชา
นอกจากนี้ โฆษก กต.ระบุด้วยว่า เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ยื่นหนังสือที่มีเนื้อหาในลักษณะเดียวกับหนังสือที่ยื่นแก่กัมพูชา ให้แก่ผู้แทนของญี่ปุ่น ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา วาระปัจจุบันแล้วเช่นกัน ในฐานะที่ไทยมีพันธกรณีที่ต้องรายงานการละเมิดอนุสัญญาดังกล่าว ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบต่อประชาคมระหว่างประเทศ พร้อมทั้งยืนยันว่ายังคงเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของอนุสัญญาฉบับนี้
อ่านข่าว
กองทัพบก "ประณามกัมพูชา" วางทุ่นระเบิดชายแดนช่องอานม้า
วันนี้ (23 ก.ค.2568) จากกรณีทหารลาดตระเวนของกองพันทหารราบที่ 14 ต้องประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่ห้วยบอน ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ออกคำสั่งอันหนักแน่นและเด็ดขาด ไปยังกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 ซึ่งดูแลพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้เตรียมความพร้อม "ปฏิบัติการจักรพงษ์ภูวนารถ" (Chakraphong Phuwanaat Plan) เพื่อใช้ตอบโต้สถานการณ์ที่อาจทวีความรุนแรงขึ้นอย่างไม่คาดคิด
ในวันที่ 24 ก.ค.2568 นี้ ผบ.ทบ. พร้อมด้วย พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสนาธิการทหารบก, พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และ พล.ต.ธีรนันท์ นันทขว้าง ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร จะลงพื้นที่ช่องอานม้าด้วยตนเอง เพื่อประเมินสถานการณ์และบัญชาการอย่างใกล้ชิด อันสะท้อนถึงความเป็นผู้นำที่ไม่เคยทอดทิ้งกำลังพลและพร้อมเผชิญหน้าทุกภัยคุกคาม
"ปฏิบัติการจักรพงษ์ภูวนารถ" ไม่ใช่เพียงแผนการทางทหารที่เพิ่งถูกคิดค้นขึ้น แต่เป็นยุทธศาสตร์ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างละเอียดรอบคอบ เปี่ยมด้วย ภูมิปัญญาทางทหารอันลึกซึ้ง และพิสูจน์แล้วถึงประสิทธิภาพอันเหนือชั้น แผนการนี้ถูกคิดค้นและเขียนขึ้นโดย พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ หรือ "บิ๊กแก้ว" อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดไทย เมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งเจ้ากรมยุทธการทหารบก พล.อ.เฉลิมพล ได้รับการยอมรับในฐานะนายทหารม้า ผู้เติบโตในสายหน่วยรบและสายอำนวยการ ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการวางแผนยุทธการต่าง ๆ
ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ปฏิบัติการนี้ได้สร้างคุณูปการอันมหาศาลให้กับกองทัพไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเหตุการณ์ความขัดแย้งบริเวณเขาพระวิหารเมื่อปี 2554
ปฏิบัติการจักรพงษ์ภูวนารถ ได้นำไปสู่การตอบโต้ที่เด็ดขาด รุนแรง และไร้ความปรานี จนกองทัพกัมพูชาประสบความพ่ายแพ้ย่อยยับ ราบเป็นหน้ากลอง และต้องยุติการเผชิญหน้ากับกองทัพไทยไปเกือบ 10 ปี
ชัยชนะครั้งนั้นไม่ได้เป็นเพียงการปกป้องอธิปไตย แต่ยังเป็นการ ตอกย้ำถึงแสนยานุภาพอันน่าเกรงขามของกองทัพไทย ที่สามารถสยบภัยคุกคามได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ข้อมูลจาก พระราชประวัติ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ และ วารสาร ข่าวทหารอากาศ Air Force การที่แผนยุทธศาสตร์สำคัญนี้ได้รับพระนาม "จักรพงษ์ภูวนาถ" มาจากพระนามของ จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ พระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 43 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) และทรงเป็นพระอนุชาธิราชในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6)
พระองค์ทรงได้รับการศึกษาด้านการทหารในประเทศรัสเซีย และได้แสดงพระปรีชาสามารถโดดเด่นจนได้รับเกียรติจารึกพระนามบนแผ่นหินอ่อนในโรงเรียนนายร้อยมหาดเล็ก จากการสอบได้เป็นอันดับ 1 เมื่อเสด็จกลับประเทศไทย พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง เช่น เสนาธิการทหารบก และทรงเป็นผู้ริเริ่มและวางรากฐานการศึกษาด้านการทหารผ่านการจัดตั้ง โรงเรียนเสนาธิการทหารบก
จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
ที่สำคัญที่สุดคือ พระกรณียกิจด้านการบิน พระองค์ทรงตระหนักถึงความสำคัญของกำลังทางอากาศในการป้องกันประเทศ หลังได้ทอดพระเนตรการแสดงการบินครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2453 ทรงริเริ่มจัดตั้งแผนกการบินในกองทัพบกในปี พ.ศ. 2454 โดยส่งนายทหาร 3 นาย อันได้แก่
ไปศึกษาวิชาการบิน ณ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งต่อมาทั้ง 3 ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็น "บุพการีทหารอากาศ" ต่อมาได้พัฒนาเป็นกองบินทหารบกในปี พ.ศ.2457 และเติบโตเป็นกองทัพอากาศในปัจจุบัน
ด้วยคุณูปการอันใหญ่หลวงนี้ กองทัพอากาศไทยจึงได้ยกย่องถวายพระเกียรติพระองค์ไว้ว่าเป็น "พระบิดาแห่งกองทัพอากาศไทย" ดังนั้น การตั้งชื่อแผนยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นการปกป้องอธิปไตยตามพระนามของพระองค์ จึงเป็นการเชิดชูพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและพระปรีชาสามารถในการทหาร
"ปฏิบัติการจักรพงษ์ภูวนาถ" เป็นมากกว่าแผนการทางทหาร แต่คือพิมพ์เขียวทางยุทธศาสตร์ที่หยั่งรากลึกในประวัติศาสตร์และวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของผู้นำในอดีต เช่นเดียวกับ หมากรุกที่ต้องมีแผนการที่คิดมาอย่างดีเพื่อปกป้องราชาและอาณาจักร แผนนี้ก็เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องประเทศไทยจากภัยคุกคามทุกรูปแบบ ด้วยความพร้อมที่จะถูกนำมาใช้เพื่อรักษาความมั่นคงและอธิปไตยของชาติอยู่เสมอ
ที่มา : เอกสาร Naming Practice of Royal Thai Army Camps in Context of Political Symbolism Wanwichit Boonprong 2013, พระดำริในการจัดการศึกษาฝ่ายทหารของสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิศณุโลกประชานาถ โดย ปียนาถ บุนนาค ภาคีสมาชิก สำนักธรรมศาสตร์และการเมือง ราชบัณฑิตยสถาน, วารสารข่าวทหารอากาศ Air Force ปีที่ 79 ฉบับที่ 6 เดือน มิ.ย.62, Wikipedia
อ่านข่าวเพิ่ม :
ภูมิธรรมสั่งหนัก! เรียกทูตไทยกลับ-ขับทูตกัมพูชา ปมระเบิดช่องอานม้า
กองทัพบก "ประณามกัมพูชา" วางทุ่นระเบิดชายแดนช่องอานม้า
ผบ.ทบ.สั่งทัพภาค 1-2 ลุย "แผนจักรพงษ์ภูวนารถ" ตอบโต้กัมพูชา
ด่วน! ทหารไทยเหยียบกับระเบิด มทภ.2 สั่งปิด 4 ด่าน 2 ปราสาทชายแดน