นางสาวสายชล แตงไทย
ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบลเขากะลา
เบอร์โทร 056-267-523
ประกาศสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดนครสวรรค์
เรื่อง ประกาศผู้ชนะการเสนอราคาประกวดราคาซื้อหนังสือเรียนภาคเรียนที่ 1/2568
ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลายด้วยวิธีการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
ประกาศเรื่อง ประกวดราคาซื้อหนังสือเรียนภาคเรียนที่ 1/2568
ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์
ประกาศผลการสอบคัดเลือกเพื่อเลือกสรรเป็นพนักงานจ้างเหมาบริการ
ตำแหน่ง พนักงานขับรถห้องสมุดเคลื่อนที่ (โมบาย)
ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้ารับการสอบสัมภาษณ์ และทดสอบปฏิบัติ
ตำแหน่ง พนักงานขับรถห้องสมุดเคลื่อนที่ (โมบาย)
วันนี้ (24 ก.ค.2568)ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยด้านการสู้รบ เวลา 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชา เปิดฉากการยิงบริเวณตรงข้ามฐานหมูป่า ทางทิศตะวันออกปราสาทตาเมือน ฝ่ายไทยเริ่มตอบโต้
พื้นที่ตรงข้ามปราสาทโดนตวล รถถังของฝ่ายกัมพูชาสญเสีย 2 คัน ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาใช้จรวด BM.21 ยิงเข้าใส่พื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ บริเวณปั๊มน้ำมัน ขณะที่พื้นที่เขาพระวิหาร มีการปะทะตั้งแต่วัดแก้วฯ ไปจนถึงภูมะเขือ ปัจจุบันทั้ง 2 ฝ่ายยังอยู่ในที่ตั้ง
พื้นที่ช่องจอม ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธยิงสนับสนุนยิงต่อที่ตั้งฝ่ายพลเรือน เช่น วิทยาลัยการอาชีพ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา และบ้านเรือนประชาชนไทย ส่วนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังจากประกาศปิดการท่องเที่ยว ฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้กำลังเข้าโจมตีฝ่ายไทย ตั้งแต่ห้วงเข้า รวมทั้งใช้อาวุธยิงสนับสนุนยิงเข้าที่ตั้งพลเรือนอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ
ด้านการช่วยเหลือประชาชน อพยพประชาชน 8 พื้นที่ ได้แก่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์, อ.พนมดงรัก, อ.กาบเชิง, อ.สังขะ, จ.สุรินทร์, อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และ อ.น้ำขุ่น, อ.น้ำยืน อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี ไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือนตามแผน และจัดรถครัวสนามประกอบอาหาร สนับสนุนให้กับส่วนราชการจังหวัดในการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในพื้นที่
มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย 11 พื้นที่ ได้แก่ บ้านหนองแรด ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ (กระสุนปืนใหญ่ตก 10 นัด), บ้านผือ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กระสุน BM21 ตก (ปตท.บ้านผือ และ ตชด.224), ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี (ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ)
บ้านขี้เหล็ก ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ (กระสุนปืนใหญ่ 5 นัด), บ้านสายโท 10 ใต้ ม.2 ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด (กระสุนปืนใหญ่ 10 นัด), บ้านกรวด ม.3 และ 5 ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด (กระสุนปืนใหญ่ตก 7 นัด), บ้านสายโท 12 ใต้ ม.16 ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด (กระสุนปืนใหญ่ตก 3 นัด) และพื้นที่บ้านโคกกระชาย ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ (กระสุนปืนใหญ่ตก 3 นัด)
ประชาชนได้รับผลกระทบ 32 คน ในจำนวนนี้ได้รับบาดเจ็บ 20 คนและเสียชีวิต 12 คน
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ที่กัมพูชากระทำการโจมตีด้วยอาวุธใส่พื้นที่พลเรือนของไทย ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ขอเรียกร้องให้หยุดการกระทำดังกล่าว ตามหลักสากลของกฎหมายมนุษยธรรม โดยจะโจมตีเฉพาะเป้าหมายทายทางทหาร ประเทศไทยยึดมั่นในหลักนิติธรรมและคุณค่าสากลของมนุษยธธรรม แต่จะไม่ยอมให้การโจมตีใดๆ ละเมิดอธิปไตยและบ่อนทำลายศักดิ์ศรีของชาติได้
อ่านข่าว
ทัพฟ้าส่ง F-16 ทิ้งบอมบ์รอบ 2 ที่ตั้งทหารกัมพูชา
วันนี้ (24 ก.ค.2568) สมเด็จฮุน เซน โพสต์เฟซบุ๊กปฏิเสธการรายงานของสื่อไทยที่ระบุว่า ตนเองได้เดินทางออกจากกัมพูชาไปประเทศจีน โดยสมเด็จฮุน เซน ชี้แจงว่า กำลังร่วมปฏิบัติหน้าที่สั่งการทางทหาร ร่วมกับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการสูงสุด และผู้บัญชาการกองกำลังติดอาวุธทุกระดับชั้น ผ่านวิดีโอและแพลตฟอร์มการสื่อสารอื่นๆ และยืนยันว่ายังไม่ได้หนีไปไหน
นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า ยังนั่งอยู่ที่นี่ ตั้งแต่แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทยระบุว่าจะปิดทางเข้าปราสาทตาเมือนธม และระบุด้วยว่าแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทยเป็นผู้ก่อให้เกิดสงครามนี้ ด้วยการสั่งให้ปิดปราสาทตาเมือนธมเมื่อวันที่ 23 ก.ค. และเปิดฉากยิงโจมตีกองทัพกัมพูชา เมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 ก.ค.
เช่นเดียวกับกระทรวงข้อมูลข่าวสารกัมพูชา โพสต์อ้างคำพูดของโฆษกสมเด็จฮุน เซน โดยปฏิเสธการรายงานข่าวของสื่อไทย และยืนยันว่าสมเด็จฮุน เซน ยังคงอยู่ในกัมพูชา และทำหน้าที่บัญชาการกองทัพอยู่ในขณะนี้
ส่วน ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เผยแพร่หนังสือที่ส่งถึงเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรปากีสถานประจำสหประชาชาติ ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) วาระปัจจุบัน โดยเรียกร้องให้ UNSC จัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อหยุดยั้งการรุกรานของไทย รวมถึงขอให้เผยแพร่หนังสือฉบับนี้ ซึ่งมีเนื้อหาชี้แจงการกระทำอันก้าวร้าวของไทยไปยังสมาชิก UNSC ให้รับทราบ
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา เผยแพร่แถลงการณ์ประณามการกระทำอันไร้ความรอบคอบและเป็นปฏิปักษ์ของไทย โดยชี้แจงว่า กองทัพไทยจงใจเปิดฉากโจมตีฐานที่มั่นของกองทัพกัมพูชาและวางแผนล่วงหน้า โดยปราศจากการยั่วยุใดๆ จากกัมพูชา ซึ่งถือเป็นภัยต่อสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดนระหว่างกัน แสดงถึงการไม่เคารพต่อกฎหมายระหว่างประเทศโดยสิ้นเชิง
กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยยุติการปะทะทั้งหมดทันที รวมถึงถอนกำลังกลับเข้าสู่ดินแดนของตนเอง และหลีกเลี่ยงการยั่วยุเพิ่มเติมที่อาจทำให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยืนยันว่ากัมพูชามีสิทธิที่จะป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติ
ส่วนกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรงต่อสิ่งที่เรียกว่าเป็นการรุกรานทางทหารอันโหดร้ายและก้าวร้าวของไทย พร้อมทั้งชี้แจงลำดับเหตุการณ์ที่นำไปสู่การปะทะกัน โดยระบุว่า เมื่อเวลา 06.30 น.ที่ผ่านมา ฝ่ายไทยเริ่มยั่วยุก่อน โดยละเมิดข้อตกลงที่ตกลงกันไว้ด้วยการติดตั้งลวดหนาม บริเวณปราสาทตาเมือนธม
ต่อมาเวลา 07.04 น. พบว่า โดรนของฝ่ายไทยบินเหนือน่านฟ้ากัมพูชาเป็นเวลา 2 นาที และในเวลา 08.30 น. ฝ่ายไทยได้เปิดฉากยิงขึ้นฟ้า จากนั้นเวลา 08.46 น. กองกำลังไทยยิงใส่กองกำลังกัมพูชาในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม และขยายการโจมตีไปที่ปราสาทตาควาย บริเวณภูเขาพนมกะโมจ รวมถึงพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต จึงทำให้กองกำลังกัมพูชาเปิดฉากตอบโต้การรุกรานของไทย เมื่อเวลา 08.47 น.
กระทรวงกลาโหมกัมพูชายังเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศ ประณามการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศของไทย พร้อมทั้งยืนยันว่ากองทัพกัมพูชาพร้อมปกป้องอธิปไตยและประชาชนของตนอย่างเต็มที่
ขณะที่สำนักข่าว AFP เผยแพร่ภาพทหารกัมพูชาใน จ.พระวิหาร ที่บรรจุกระสุนใส่เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง รวมทั้งภาพในขณะที่ยานพาหนะจำนวนมากเร่งเดินทางออกจากพื้นที่ชายแดน ภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างกองทัพไทยและกัมพูชา
ส่วนสำนักเฟรช นิวส์ รายงานล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ว่า กองกำลังกัมพูชาและไทยยังคงปะทะกันตามแนวชายแดน พร้อมทั้งระบุว่ากองกำลังกัมพูชาขับไล่ทหารไทยสำเร็จแล้ว และยังคงควบคุมพื้นที่ปราสาทตาเมือนและปราสาทตาควายได้อย่างสมบูรณ์
อ่านข่าว
กัมพูชาสั่งกองทัพตอบโต้ อ้างไทยรุกรานตาเมือนธม
วันนี้ (24 ก.ค.2568) สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่ทวีความรุนแรง ส่งผลให้หลายชาติออกคำเตือนและแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าว โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า รู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อความตึงเครียดที่ลุกลาม และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะแก้ไขปัญหาด้วยการเจรจาและปรึกษาหารืออย่างสันติ จีนยืนยันจุดยืนที่เป็นกลางและยุติธรรม พร้อมสนับสนุนการเจรจาในรูปแบบที่สร้างสรรค์เพื่อลดความขัดแย้ง
สถานเอกอัครราชทูตจีนในกัมพูชา แนะนำให้พลเมืองจีนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ชายแดนที่ติดกับประเทศไทย และขอให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงเพิ่มมาตรการป้องกันเพื่อความปลอดภัย
ด้านสหรัฐอเมริกา สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ออกคำเตือนให้พลเมืองอเมริกันที่อยู่ในหรือเดินทางไปใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชาปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานความมั่นคงไทย และติดตามข้อมูลล่าสุดจากหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อความปลอดภัย
ขณะที่สหราชอาณาจักรออกคำเตือนเช่นกัน โดยขอให้พลเมืองที่อยู่ในพื้นที่ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชาเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ และปฏิบัติตามแนวทางของหน่วยงานท้องถิ่น หากต้องเดินทางในพื้นที่เสี่ยง การออกคำเตือนจากนานาชาตินี้สะท้อนถึงความกังวลต่อสถานการณ์ที่อาจกระทบต่อความปลอดภัยของพลเมืองในพื้นที่
อ่านข่าวเพิ่ม :
วันนี้ (24 ก.ค.2568) เวลา 18.00 น. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ (กต.) ประชุมหารือสถานการณ์ไทย-กัมพูชา โดยระบุว่า ได้ติดตามและสั่งการรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด แม้ขณะนี้จะอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี 2025 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก
แต่ในโอกาสนี้ ได้พบกับผู้แทนระดับสูงจากต่างประเทศ รวมถึงเลขาธิการสหประชาชาติ, รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศปากีสถาน ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ประจำเดือน ก.ค., รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประเทศปานามา ซึ่งจะเป็นประธาน UNSC ในเดือน ส.ค. โดยทั้งฝ่ายปากีสถานและฝ่ายปานามา เห็นพ้องในการแก้ปัญหาของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคี และหากมีการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาก็ต้องมีการแก้ไข รวมถึงได้พบกับ รมต.ต่างประเทศญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นจะเป็นประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ในเดือน ธ.ค.นี้
นายมาริษ กล่าวอีกว่า ได้ยืนยันให้ประชาคมโลกทราบถึงจุดยืนและความอดทนอดกลั้นของประเทศไทย ต่อการดำเนินการต่าง ๆ ของกัมพูชาที่ไม่จริงใจ โดยไทยมุ่งมั่นแก้ปัญหาอย่างสันติในกรอบทวิภาคี เคารพต่ออธิปไตยและหลักการกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงเปิดประตูเพื่อการเจรจาทวิภาคีด้วยความจริงใจมาโดยตลอด แตกต่างจากท่าทีของกัมพูชาที่ตั้งใจยั่วยุและแทรกแซงกิจการภายในของไทย
การกระทำของกองทัพกัมพูชาละเมิดอธิปไตยของไทย โดยเฉพาะการโจมตีอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ฝั่งไทยตลอดเช้าวันนี้ (24 ก.ค.) รวมถึงเป้าหมายพื้นที่ที่เป็นพลเรือน โดยเฉพาะโรงพยาบาล จนเป็นเหตุให้ประชาชนบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งรัฐบาลไทยพร้อมพิจารณายกระดับมาตรการป้องกันตนเอง หากกัมพูชายังไม่ยุติการกระทำที่เป็นการโจมตีทางอาวุธและละเมิดอธิปไตยของไทยตามหลักสากลและกฎหมายระหว่างประเทศ
ล่าสุด ได้สั่งการให้ กต.จัดเตรียมแผนอพยพคนไทยออกจากกัมพูชา และจากการประชุมร่วมกับกระทรวงคมนาคม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสายการบินพาณิชย์ในวันนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาให้เพิ่มจำนวนที่นั่งในเที่ยวบินระหว่างกรุงพนมเปญและกรุงเทพฯ เพื่อรองรับคนไทยที่ต้องการเดินทางกลับบ้าน
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือคนไทยที่อาศัยอยู่ในกัมพูชา ติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้องและสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ โทรศัพท์ฉุกเฉิน (+855) 77 888 114, สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเสียมราฐ โทรศัพท์ (+855) 86 608 999 และกรมการกงสุล โทรศัพท์ (+66) 2 572 8442 ซึ่งเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
อ่านข่าว
ลำดับเหตุการณ์นำมาสู่การปะทะระหว่าง "ไทย-กัมพูชา"