หมู่ 10 บ้านพุวิเศษ ต.เขากะลา อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ 60130 081-4161915 saichontangthai@gmail.com วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 09.00 น. - 16.00 น.
ครู กศน.ตำบลเขากะลา

IMG 8622.jpq

นางสาวสายชล  แตงไทย

ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบลเขากะลา

 เบอร์โทร 056-267-523

 

 

ข่าวประชาสัมพันธ์ สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดนครสวรรค์

ข่าวประชาสัมพันธ์ทั่วไป

03 กรกฎาคม 2568

การศึกษา, เรียน สกร., รับสมัครนักศึกษา, สกร.นครสวรรค์, สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดนครสวรรค์
แพลตฟอร์ม กศน.นครสวรรค์

จำนวนผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์
033210
วันนี้
เมื่อวานนี้
สัปดาห์นี้
สัปดาห์ที่แล้ว
เดือนนี้
เดือนที่แล้ว
ผู้เข้าชมทั้งหมด
15
18
113
32844
56
891
33210

Your IP: 192.168.1.1
2025-07-03 10:44

ประชุม ศส.ปชต.เขากะลา ไตรมาส 2 / 2567

S 7446548 0

ครู กศน.ตำบล

ข่าวประชาสัมพันธ์ ไทยพีบีเอส

ข่าวไทยพีบีเอส - home

03 กรกฎาคม 2568

ข่าวที่คุณวางใจ โดยสำนักข่าวไทยพีบีเอส ติดตามข่าวและสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศได้ที่นี่่
  • กยศ.แจ้งเตือนผู้กู้ยืมรุ่นพี่ 3.5 ล้านบัญชี ชำระเงินคืนภายใน 5 ก.ค.นี้
    03 กรกฎาคม 2568

    ในวันที่ 5 ก.ค.ของทุกปี เป็นวันครบกำหนดชำระเงินคืน กยศ. สำหรับการผ่อนชำระรายปี ซึ่งในปีนี้มีผู้กู้ยืมที่จะต้องชำระเงินคืนประมาณ 3.5 ล้านบัญชี เพื่อมอบอนาคตทางการศึกษาให้กับนักเรียน นักศึกษารุ่นน้อง

    น.ส.นันทวัน วงศ์ขจรกิตติ ผู้จัดการ กยศ. กล่าวว่า กยศ.ได้ส่งหนังสือแจ้งภาระหนี้ รวมถึงมีข้อความแจ้งทาง SMS และเตือนผ่านแอปพลิเคชัน กยศ. Connect เพื่อแจ้งเตือนผู้กู้ จำนวน 3.5 ล้านคน ครบรอบชำระหนี้ในวันที่ 5 ก.ค.2568 นี้ หลังการแก้ไขกฎหมาย กยศ.ฉบับใหม่ ซึ่งปรับลดดอกเบี้ย เบี้ยปรับ ตลอดจน ลำดับการชำระหนี้ หรือ การตัดเงินหน้าซอง เป็นลำดับสุดท้าย ส่งผลให้ กยศ. ต้องขอรับการจัดสรรงบประมาณจากภาครัฐ ซึ่งล่าสุด ครม.อนุมัติเงิน จากงบกลางฯ กระตุ้นเศรษฐกิจ จำนวน 3,000 ล้านบาท คาดว่าปัญหาการเมืองขณะนี้ไม่กระทบการเบิกจ่ายงบฯดังกล่าว

    ขณะที่ นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ รองปลัดกระทรวงการคลัง ยอมรับว่า กองทุน กยศ. เริ่มมีข้อจำกัดด้านงบประมาณทำให้การพิจารณาอนุมัติเงินกู้ กยศ. ในปีการศึกษาหน้าจะมีความเข้มงวดมากขึ้น โดย กยศ.จะเชื่อมระบบกับส่วนราชการอื่น เพื่อตรวจสอบรายได้ครัวเรือนของผู้กูั และให้โอกาสการศึกษาผู้มีรายได้น้อยก่อน

    อีกทั้งสาขาที่ผู้กู้ศึกษาก็มีผลต่อการพิจารณา โดยหากเป็นสาขาที่เป็นที่ต้องการของตลาดจะได้รับการพิจารณาก่อน หลังพบว่า ปัจจัยนี้มีผลต่อการมีงานทำและชำระหนี้ในอนาคต เช่น กลุ่มอาชีพเกี่ยวกับ วิศวกร การแพทย์ อุตสาหกรรมอีวี และเอไอ เป็นต้น ส่วนสาขาอื่นจะได้รับการพิจารณาหากยังเหลืองบประมาณ

    ทั้งนี้ กยศ. จึงขอเชิญชวนให้ผู้กู้ยืมชำระเงินคืน กยศ. ภายในระยะเวลาและเงื่อนไขที่กำหนด โดยผู้กู้ยืมสามารถชำระเงินผ่านช่องทาง Mobile Banking ของทุกธนาคารด้วยการสแกน QR code ซึ่งจ่ายได้สะดวกทุกที่ทุกเวลา และผู้กู้ยืมสามารถดูช่องทางการชำระอื่นๆ ได้ที่เว็บไซต์ www.studentloan.or.th  

    ปัจจุบันกองทุนมีนักเรียน นักศึกษาที่ได้รับโอกาสทางการศึกษาไปแล้วจำนวนกว่า 7.1 ล้านคน คิดเป็นเงินกู้ยืมกว่า 800,000 ล้านบาท 

    อ่านข่าว : ส่งต่อ "รอยยิ้ม" เด็กจุฬาฯ คิดค้น "ถุงมือช่วยน้องพิการทางสมอง"

    พรุ่งนี้ "จตุพร" ลงพื้นที่แก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร

    แฟนลูกหนังเศร้า "ดิโอโก้ โชต้า" แข้งลิเวอร์พูล ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต

  • DSI พบขบวนการเรียกเก็บค่าหัวคิว ต่อใบอนุญาตแรงงานต่างชาติ
    03 กรกฎาคม 2568

    วันนี้ (3 ก.ค.2568) เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำหมายค้นของศาลอาญาเข้าตรวจค้นบริษัทรับปรึกษาปัญหาเอกสารครบวงจรแห่งหนึ่ง ย่านคลองสามวา กรุงเทพมหานคร หลังได้รับร้องเรียนจากผู้ประกอบการและลูกจ้างว่า ถูกเรียกรับเงินค่าดำเนินการส่วนต่างในการต่อใบอนุญาตทำงานให้กับลูกจ้างชาวต่างชาติแบบออนไลน์ ซึ่งเป็นระบบใหม่ของกระทรวงแรงงาน

    พ.ต.อ.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

    ลักษณะของบริษัทแห่งนี้เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น ด้านหน้าติดป้าย 3 ภาษา ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการให้บริการ ด้านเอกสารให้กับแรงงานต่างชาติ เช่น ทำหนังสือเดินทาง , ต่อใบอนุญาตทำงาน , ทำบัตรประกันสังคม เป็นต้น

    พ.ต.อ.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า จากการสืบสวนพบว่า ขบวนการนี้จะใช้วิธีติดต่อไปหาผู้ประกอบการที่เข้าไปดำเนินการต่อใบอนุญาตทำงานให้ ลูกจ้างชาวต่างชาติ ผ่านระบบออนไลน์ เมื่อผู้ประกอบการกรอกข้อมูลในระบบไปสักพัก จะพบว่าไม่สามารถดำเนินการขั้นต่อไปได้

    จากนั้นจะมีตัวแทนจากบริษัทรับปรึกษาปัญหาเอกสาร ติดต่อมายังผู้ประกอบการโดยอ้างว่า สามารถช่วยดำเนินการในส่วนที่ติดขัดได้และจะต้องจ่ายค่าดำเนินการ 2,500 บาทต่อคน โดยให้ผู้ประกอบการโอนเงินไปยังบัญชีหนึ่ง ที่ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าเป็นบัญชีม้าที่มีชื่อบัญชีเป็นชาวไทยและชาวประเทศเพื่อนบ้าน

    เจ้าหน้าที่ดีเอสได้ขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินของบัญชีม้า พบว่า มีเงินจำนวนประมาณ 100 ล้านบาท ถูกโอนไปยังบัญชีปลายทางในประเทศกัมพูชา เบื้องต้นพบว่า เชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศกัมพูชาประมาณ 2-3 คน แต่อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าอาจถูกแอบอ้างชื่อหรือจะเกี่ยวข้องจริงกับขบวนการนี้จริงหรือไม่

    นอกจากนี้พบว่า มีเส้นทางการเงินบางส่วนของบัญชีดังกล่าวถูกโอนกลับเข้ามาในประเทศไทย โดยผ่านเข้าบัญชีบุคคลชาวไทย ซึ่งอยู่ระหว่างขยายผลว่าจะเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่

    อ่านข่าว : DSI จับกุมแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติ ตั้งบริษัทปลอม 29 แห่งหลอกโอนค่าสินค้า 

    “บิ๊กเต่า” เร่งตรวจเส้นทางเงินเจ้าอาวาสวัดม่วง - ลูกศิษย์วัดเข้าให้ข้อมูล 

    เจ้าอาวาสวัดม่วงยืนยันแยกบัญชีเงินส่วนตัว - เงินวัด

     

     

     

     

     

  • คนไทย ขี้เหงา หนุนกระแสสัตว์เลี้ยงโต คาดปี69 ตลาดสัตว์เลี้ยงทะลุแสนล้าน
    03 กรกฎาคม 2568

    วันนี้ ( 3 ก.ค.2568) ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics วิเคราะห์เทรนด์การดูแลสัตว์เลี้ยงของคนในยุคปัจจุบันมีรูปแบบการดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบางกลุ่มเจ้าของอาจมีวิวัฒนาการสู่การเลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัวแบบตามใจ หรือเรียกว่า ทาสหมา-ทาสแมว (Petriarchy) ที่เจ้าของเลือกที่จะซื้อของให้สัตว์เลี้ยงเพื่อตอบสนองความพอใจส่วนตน ส่งผลให้การจับจ่ายในส่วนของอุปกรณ์และค่าดูแลมีทิศทางเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง

    รวมถึงในสังคมยุคดิจิทัลในปัจจุบัน สัตว์เลี้ยงบางกลุ่มอาจพัฒนาบทบาทจากลักษณะนิสัยส่วนตัวที่สามารถยกระดับจาก สมาชิกในครอบครัวปกติ เป็น สมาชิกในครอบครัวที่สามารถสร้างรายได” ผ่านลักษณะเฉพาะตัวของสัตว์เลี้ยงที่สามารถดึงดูดความสนใจจากคนในสังคมวงกว้าง หรือ Pet Celebrity และถูกพัฒนาเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีผู้ติดตามผ่านโซเชียลมีเดีย (Petfluencer) ช่วยยกระดับสถานะของสัตว์เลี้ยงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเลี้ยงดูมีแนวโน้มปรับเพิ่มในอัตราเร่ง

    โดยคาดการณ์มูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงของไทยในปี 2568 จะมีมูลค่าราว 9.2 หมื่นล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 13.2% จากปีที่ผ่านมา บนความคาดหวังมูลค่าตลาดทะลุแสนล้านในปี 2569 จากรูปแบบการเลี้ยงสัตว์ในยุคปัจจุบันที่กำลังเริ่มพัฒนาไปได้ไกลกว่าแค่การเลี้ยงเสมือนส่วนหนึ่งในครอบครัว เข้าสู่บริบทใหม่ที่สัตว์เลี้ยงมีบทบาทเป็นส่วนหนึ่งของสังคม

    ปัจจุบันค่าเลี้ยงดูเฉลี่ยของการเลี้ยงแบบสมาชิกในครอบครัวอยู่ที่ราว 50,500 บาทต่อตัวต่อปี หรือเพิ่มขึ้นกว่า 22.9% จากปีก่อนที่อยู่ราว 41,100 บาทต่อตัวต่อปี ซึ่งสูงกว่าการเลี้ยงดูแบบปล่อยอิสระแบบดั้งเดิมที่มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเพียง 7,910 บาทต่อตัวต่อปีถึง 6 เท่าตัว ชัดเจนว่าการยกระดับบทบาทสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกในครอบครัวได้สร้างเม็ดเงินสะพัดในธุรกิจสัตว์เลี้ยงอย่างมีนัย

    แสดงให้เห็นว่าสัตว์เลี้ยงเป็นแรงส่งสำคัญในการผลักดันให้มูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงเติบโตในปี 2568 อยู่ที่ 9.2 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 13.2% บนการเติบโตเฉลี่ยย้อนหลัง 6 ปี (2562-2568) ที่เฉลี่ยสูงถึงปีละ 18.9%

    โดยรูปแบบการเติบโตของตลาดสัตว์เลี้ยงในไทยแบ่งออกเป็นดังนี้กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง และบริการรักษาสัตว์เลี้ยง เป็นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากกระแสรูปแบบการดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนคนในครอบครัว (Pet Humanization) ที่เจ้าของให้ความสำคัญแก่สัตว์เลี้ยงประหนึ่งสมาชิกในครอบครัว ส่งผลให้รูปแบบการดูแลสัตว์เลี้ยงเปลี่ยนไปจากเดิมโดยเน้นอาหารเฉพาะที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมมากขึ้น ซึ่งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาในอนาคตลง จากการให้อาหารที่ไม่เหมาะสมที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์เลี้ยงในระยะยาว รวมถึงอาหารสัตว์ในปัจจุบันมีความหลากหลายมากขึ้น

    กลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์ส่วนใหญ่มักใช้อาหารเกรดพรีเมี่ยมที่มีราคาสูง เช่น อาหารเปียก รวมถึงผู้เลี้ยงบางกลุ่มก็เลือกใช้อาหารดิบที่ไม่ผ่านความร้อน (BARF) ที่มีราคาสูง นอกจากนี้เทรนด์ในปัจจุบันอาหารสัตว์เลี้ยงก็พัฒนาขึ้นในรูปแบบอาหารเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ (Functional Pet Food)

    นอกจากมีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมยังส่งผลดีต่อพัฒนาการและสุขภาพของสัตว์เลี้ยงได้ในเวลาเดียวกัน ส่งผลให้ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงปี 2568 ขยายตัวโดยมีมูลค่าแตะ 6.24 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 16.5% บนค่าเฉลี่ยการเติบโตของมูลค่าตลาดย้อนหลัง 6 ปี (CAGR) ที่ 20.5%

    สอดคล้องกับบริการรักษาสัตว์ที่มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นจากความตระหนักในการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง และเมื่อสัตว์เลี้ยงเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัวการรักษาพยาบาลยามเจ็บป่วยจึงกลายเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลให้มูลค่าบริการรักษาสัตว์เติบโตต่อเนื่องที่ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 6 ปีที่ 17.9% ด้วยมูลค่า 6.99 พันล้านบาท ในปี 2568

    ขณะที่กลุ่มอุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ถึงแม้จะได้รับแรงหนุนจากการเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงเสมือนคนในครอบครัว แล้วมูลค่าของอุตสาหกรรมยังมีการเร่งตัวในช่วง 2-3 ปีผ่านมาจากกระแสการเลี้ยงเสมือนคนในครอบครัวแบบตามใจ และสมาชิกในครอบครัวที่สามารถสร้างรายได้ (Petfluencer)

    แต่อย่างไรก็ตามในกลุ่มอุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง อาจเผชิญข้อจำกัดเฉพาะ เช่น ลักษณะที่สินค้าเป็นสินค้าคงทนรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์อาจมีความถี่ต่ำกว่ากลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงรวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ของเล่นที่อาจมีข้อจำกัดการใช้งานไม่สามารถทำให้มีรูปแบบความซับซ้อนเสมือนของเล่นของคนได้ ส่งผลให้มูลค่าตลาดอุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมีแนวโน้มการเติบโตที่ต่ำกว่ากลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยงอื่นโดยเติบโตราว 6% ที่มูลค่าราว 2.13 หมื่นล้านบาท

    ในขณะที่ธุรกิจให้บริการดูแลสัตว์เลี้ยงเป็นกลุ่มที่ได้รับแรงหนุนทางตรงจากกระแสเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงเสมือนคนในครอบครัว ส่งผลให้รูปแบบการให้บริการเริ่มมีความหลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม เช่น สปาสัตว์เลี้ยง บริการด้านสุขภาพทางเลือก ส่งผลให้ตลาดเติบโตแตะ 1.04 พันล้านบาท บนค่าเฉลี่ยการเติบโตย้อนหลัง 6 ปีที่สูงถึง 20.0% และคาดว่ายังคงรักษาโมเมนตัมเติบโตอย่างต่อเนื่องได้

    ปฏิเสธไม่ได้ว่าบริบทที่สัตว์เลี้ยงถูกเลี้ยงเสมือนส่วนหนึ่งของครอบครัวกำลังเริ่มพัฒนากลายเป็น ส่วนหนึ่งของสังคม”ไปแล้ว ซึ่งช่วยให้การเลี้ยงสัตว์ในอนาคตสำหรับผู้ที่มีข้อจำกัดต่างๆ ทำได้ง่ายขึ้นและเป็นปัจจัยหนุนให้ผู้คนเริ่มตัดสินใจหันมาเลี้ยงสัตว์ภายใต้สังคมที่เป็นที่มิตรกับสัตว์เลี้ยงและผลักดันมูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงไทยให้เติบโตในระยะยาว

    สำหรับภาพรวมตลาดสัตว์เลี้ยงของไทยในปี 2569 ttb analytics ยังมองเห็นโอกาสในการเติบโตต่อเนื่องและคาดว่ามีมูลค่าเติบโตทะลุหลักแสนล้านบาท อยู่ที่ประมาณ 1.01 แสนล้านบาท รวมถึงยังคาดว่าจะมีแรงส่งต่อในอนาคต เมื่อแนวคิดการดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว ในปัจจุบันเริ่มกลายเป็นบรรทัดฐานของสังคมยุคใหม่ ส่งผลให้กลุ่มผู้คนที่แม้ไม่ได้เลี้ยงสัตว์อาจต้องยอมรับบทบาทที่ตนเองต้องอยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงของผู้อื่นมากขึ้น

    รวมทั้งผู้ประกอบการไม่ว่าจะร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ศูนย์การค้า หรือโรงแรมที่พัก ล้วนเริ่มปรับตัวเพิ่ม โซนต้อนรับสัตว์เลี้ยง (Pet Friendly) มากขึ้นอย่างชัดเจน เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่นิยมพาสัตว์เลี้ยงไปไหนมาไหนด้วยเสมือนเพื่อนหรือสมาชิกครอบครัวอีกคนหนึ่ง ดังนั้น จากกระแสสังคมที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป

     อ่านข่าว:

     ศาลฯสั่ง "นายกฯ"หยุดปฏิบัติหน้าที่ กระทบเชื่อมั่นนักลงทุน ห่วงเจรจาภาษีสหรัฐฯ

    สะเทือนส่งออกสินค้าประมงไทย จีนยกเลิกแบนอาหารทะเลญี่ปุ่น

    ไทยน่าลงทุน 5 เดือนต่างชาติลงทุนแตะ 9 หมื่นล้านบาท

     

  • เปิดคลัง “ฮุน เซน ” สัมพันธ์ลึก “ทุนเทา” ฟอกเงินไทย ในกัมพูชา
    03 กรกฎาคม 2568

    หากเมื่อวันที่ 1 พ.ค.2568 สำนักงานเครือข่ายอาชญากรรมทางการเงินของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ( Financial Crimes Enforce ment Network : FinCEN) ไม่ประกาศใช้มาตรา 311 ของ USA Partriot Act ให้ “กลุ่มฮุ่ยวัน” (Huione) เป็นสถาบันการเงินที่เสี่ยงต่อการฟอกเงินในระดับสูง โดยเสนอให้มีการตัดขาดการเข้าถึงระบบการเงินของสหรัฐอเมริกา

    ภาพลักษณ์ของ “กัมพูชา”ที่ UNODC ชี้ว่า เป็นหนึ่งในศูนย์กลางขนาดใหญ่ของอาชญากรรมไซเบอร์และศูนย์หลอกลวงออนไลน์ ในภูมิ ภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลับส่องให้เห็น “ธุรกิจสีเทา” ที่เป็นคลังก้อนใหญ่พุ่งตรงไปอยู่ในกระเป๋า “สมเด็จฮุน เซน” อย่างชัดเจน

    กลุ่มทุนธุรกิจสีเทาไม่ได้มีเพียงกลุ่มฮุยวัน (Huione Gua rantee) หรือชื่อใหม่ ฮ่าวหวัง (Haowang) ที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงพนมเปญ และเป็นเจ้า ของตลาดมืดออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีบริษัทลูกมากกว่า 100 แห่งกระจายอยู่ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่พนมเปญ สีหนุวิลล์ และปอยเปต เท่านั้น

    คลังทุนเทา สู่ กระเป๋าตุง

    แต่ยังมีข้อมูลจาก New York Times ระบุว่า บุคคลที่อยู่เบื้องหลัง “กลุ่มฮุ่ยวัน” คือ “ฮุนโต” หลาน ชายของสมเด็จ ฮุน เซน และ “ฮุนโต” ยังเป็นลูกพี่ลูกน้องของพล.อ.ฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และเป็นผู้มีอำนาจในระบบเศรษฐกิจของกัมพูชาอีกด้วย

    นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มของ ลี ยง พัด (Ly Yong Phat ) หรือ ออกญา ลี ยง พัด นักธุรกิจกัมพูชาที่มีสายสัมพันธ์ กับสมเด็จฮุน เซน ก็ถูกกระทรวงการคลังสหรัฐฯคว่ำบาตรในคราวเดียวกันด้วย หลังพบข้อมูลว่ากลุ่มบริษัท L.Y.P. Group ของเขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสีเทา

    โรงแรมและรีสอร์ท 4 แห่งคือ O-Smach Resort, Garden City Hotel, Koh Kong Resort, Phnom Penh Hotel ถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาและคอลเซ็นเตอร์ที่มีการหลอก ลวงคนไปทำธุรกิจผิดกฎหมาย

    ลี ยง พัด เกิดในตระกูลเชื้อสายจีน-เขมร เมื่อปี 1958 ที่หมู่บ้านทมอซอร์ จังหวัดเกาะกง เขาเข้าสู่การ เมืองอย่างเป็นทางการโดยได้รับเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกในสังกัดพรรคประชาชนกัมพูชาเป็นครั้งแรกในปี 2006 และมีความใกล้ชิดกับสมเด็จ ฮุน เซน จนได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวในปี 2022

    ไม่ต่างจาก ก๊ก อาน ( Kok An ) หรือ ออกญา ก๊กอาน ชื่อเดิม พู ก๊ก อาน เป็นลูกครึ่งจีน-กัมพูชา เกิดที่เกาะกง สามารถพูดได้ 4 ภาษา คือ ไทย เขมร จีน เวียดนาม ได้รับคำนำหน้า “ออกญา” เมื่อปี 1995 ทำธุรกิจกับไทยและเวียดนาม ทั้งการประมง และยาสูบ โดยมีบริษัทธุรกิจขนาดใหญ่ในกัมพูชาถึง 6 แห่ง

    ประกอบด้วย บริษัท Anco Brother Co,Ltd ในปี 1993 จำหน่ายบุหรี่ ให้กับบริษัท British American Tobacco (BAT) ในกัมพูชา ทุนจดทะเบียน 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีรายได้ถึง 48 ล้าน โดย ก๊ก อาน ได้รับส่วนแบ่งร้อยละ 50 และ ซก อึม ได้ร้อยละ 50

    บริษัท Crown Resort Co., Ltd ก่อตั้งเมื่อปี 1999 ลงทุนทำธุรกิจกาสิโนและสถานบันเทิง ติดชายแดนประเทศเวียดนาม บ้าน ไจรทม อ.เกาะทม จ.กันดาล เงินลงทุน 18 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ สร้างรายได้จากการลงทุน 600 ล้านดอลาร มีพนักงานกว่าหนึ่งพันคน

    บริษัท Anco Electrical Power Co.,Ltd ก่อตั้งเมื่อปี 1999 จำนวนเงินลงทุน 4 ล้านดอลลาร สหรัฐ ดำเนินการก่อสร้าง ลำบำรุงรักษาสายส่งไฟฟ้า 22 กิโลโวลต์ กำลังการผลิต11.7 เมกกะวัตต์ จ่ายไฟฟ้าร้อยละ 70 ของที่ซื้อจากประเทศไทย

    บริษัท Khmer Electrical Power Co.,Ltd ก่อตั้งปี 2004เป็นบริษัทจำหน่ายและจัดจำหน่ายไฟฟ้า ทุนจดทะเบียน 25 ล้านเหรียญสหรัฐ

    โรงงานไอศรีม Ice Cream & Pure Drinking Water

    ธนาคาร Anco Specialized Bank ก่อตั้งปี 2006 มีงบการลงทุน 25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

    ศูนย์กลาง ค้ามนุษย์-หลอกออนไลน์ 

    ในปี 2022 Al Jazeera รายงานว่า สวนอุตสาหกรรม Crown Industrial Park ของออกญาก๊กอาน จ.สีหนุ เป็นสถานที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงออนไลน์ และการบังคับแรงงานค้ามนุษย์

    ปี 2025 มีข้อมูลจากฝั่งปอยเปต ระบุว่า ได้มีการเคลื่อนย้ายกลุ่มคนจาก Crown Casino ไปยัง บ่อนกาสิโนโอร์เสม็ด โดยมีการผลัดเปลี่ยนนำคนใหม่เข้ามาทำงานแทน หลังจากมีชาวงต่างชาติ ทั้งปากีสถาน เนปาล และอินเดียจำนวน 57 คน หลบหนีออกมาก Royal hill resort & casino กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย

    สำหรับ ก๊ก อาน หรือ ออกญา ก๊ก อาน นอกจากจะมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับสมเด็จ ฮุน เซน แล้ว ยังมีความสนิทสนมกับ “เฮียตือ คอสโม” นักธุรกิจชาวไทย คนสนิทของอดีตนักการเมืองตระกูลใหญ่ในจ.สระแก้ว

    ข้อมูลระบุว่า ก่อนหน้าที่จะมาเป็นเจ้าพ่อกาสิโนรายใหญ่ในต่างแดน “เฮียตือ คอสโม” เคยทำธุรกิจค้าน้ำมันและมีโรงกลั่นอยู่ที่ จ.เพชรบุรี และไปร่วมลง ทุนทำธุรกิจบ่อนหลายแห่งตามตะเข็บชายแดนไทยหลายแห่ง ร่วมกับผู้นำของฝั่งกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็น บ่อนสตาร์เวกัส ด้านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ,บ่อนที่ด่านผักกาด จ.จันทบุรี , บ่อนสตาร์เมียวดี ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก และยังครอบครองอสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล

    ในพื้นที่ปอยเปต ฝั่งตรงข้ามชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สระแก้ว “เฮียตือ คอสโม” เข้าไปจัดตั้งบริษัท โกลเด้นคราวน์ ( Golden Crown ) ต่อมาในภายหลังได้ขายกิจการให้ ก๊ก อาน ( Kok An ) หรือ ออกญาก๊กอาน โดยเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท คราวน์ คาสิโน และมาลงทุนก่อตั้ง ฮอลิเดย์ กาสิโน ( Holiday Casino) กาแล็คซี่ กาสิโน ( Galaxy Casino ) อยู่ที่ปอยเปต เช่นกัน

    ข้อมูลด้านความมั่นคง ระบุว่า กาแล็คซี่ กาสิโน เป็นสถานที่ทำงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีนายจ้างและพนักงานส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ไทย มาเลเซียและอินโดนีเซีย พื้นที่ด้านประกอบ ด้วย บ่อนกาสิโน สถาบันเทิงครบวงจร บ่อนการพนัน สถานเสริมความงาม ร้านรับจำนำ ร้านรับแลกเปลี่ยนชิพ มีห้องสแกนใบหน้าให้กับเจ้าของบัญชีม้า

    และมีห้องพักระดับ 4 ดาว จำนวน 80 ห้อง มีการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่อย่างเข้มงวด โดยแต่ละชั้นต้องใช้บัตรในการผ่านขึ้นลง เพราะหากอนุญาตให้ตรวจค้นจะส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจสีเทาทั้งหมด เนื่องจากกาสิโนดังกล่าว ถือเป็นแหล่งผลประโยชน์หลักของกัมพูชา

    และผู้ที่สามารถสั่งการให้ ออกญา ก๊ก อาน อนุญาตให้เข้าไปตรวจค้นได้ คือ สมเด็จ ฮุน เซน สำหรับการเข้าตรวจค้น ชั้น 25 และชั้น 18 ภายในกาแล็คซี่ กาสิโน มีความเป็นไปได้ยาก หากต้องการเข้าไปตรวจค้น ต้องประสานกับ ก๊ก อาน ล่วงหน้า และต้องใช้ระยะเวลา กรณีที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปตรวจค้น จะทำได้เฉพาะชั้นเท่านั้น ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบทั้งครบทั้ง 25 ชั้น

    ฟอกเงินกาสิโน อาชญากรรมข้ามแดน

    นอกจาก ออกญา ก๊ก อาน แล้ว ยังมีธุรกิจของ ออกญา มง ฤทธี (Mong Reththy) ซึ่งเกี่ยวข้องกับกาสิโนและธุรกิจสีเทา ในกัมพูชา รวมทั้งนักธุรกิจสัญชาติจีนที่ถูก ลี ยง พัด ชักชวนให้เข้ามาลงทุน และได้กลายเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของ สมเด็จ ฮุน เซน และ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชาด้วย

    โดยหนึ่งในนั้นคือ เฉิน จื้อ หรือ เนี๊ยะออกญา เฉิน จื้อ ( Chen Zhi ) เขาเกิดในประเทศจีน เดินทางเข้ากัมพูชาเมื่อปี 2009 ได้รับสัญชาติกัมพูชา เมื่อปี 2014 ขณะมีอายุได้ 27 ปี และได้รับบรรดาศักดิ์ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.2020 เป็น “เนี๊ยะออกญา เฉิน จื้อ ในวัย 33 ปี เขาเป็นผู้ก่อตั้ง Prince Group

    Pacific Economic กลุ่มนักวิจัยที่มีฐานอยู่ในฮาวายระบุว่า ปริ๊นซ์ กรุ๊ป (Prince Group) มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างในกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติ โดย Prince Holding Group (PHG ) ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุด ของกลุ่มทุนสัญญาติจีน ในกัมพูชา ประกอบด้วยบริษัทจำนวนมาก ดำเนินธุรกิจหลากหลายมากกว่า 100 แห่ง เกือบทุกประเภท ทั้ง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธนาคาร บริษัทด้านการเงิน  การบิน การท่องเที่ยว โลจิสติกส์ เทคโนโลยี อาหารและเครื่องดื่ม

    ข้อมูลการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของ PHG พบว่า มีที่ดินสะสมเมื่อปี 2021 รวมมูลค่า 47.5 ล้านตารางกิโลเมตร มีสินทรัพย์ ภายใต้การจัดการประมาณ 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

    อย่างไรก็ตาม สมเด็จ ฮุน เซน เคยออกมาเปิดเผยว่า มีนักการเมืองไทย 7 คน เอาเงินมาฟอกที่กัมพูชา ขณะที่แฟทเอฟ (Financial Action Task Force: FATF ) หรือ คณะทำงานเฉพาะกิจด้านการดำเนินมาตรการต่อต้านการฟอกเงินจัดให้กัมพูชาเป็นประเทศที่ถูกจัดให้อยู่ใน Grey List ตั้งแต่ปี 2019 และเพิ่งจะถูกปลดออกจาก Grey List เมื่อปี 2023

    แม้จะรู้ๆ กันว่า มีใครบ้างเป็น “เงาดำ” อยู่เบื้องหลังกลุ่มธุรกิจทุนเทา ในไทย-กัมพูชา -จีน แต่ผลประโยชน์อันมหาศาลของนักธุรกิจและตระกูลการเมืองจึงยากที่จะมีใครกล้าเปิดปาก จนกว่าจะมีการออกมาสาวใส้กันเอง

     อ่านข่าว

    เจาะเส้นเงิน ต้องสงสัย “400 ล้าน” โยงฮั้วเลือกตั้ง สว. 24 จังหวัด

    "แพทองธาร-ทักษิณ" ในวงล้อมคดี "จริยธรรมร้ายแรง-มาตรา112"

    สงครามความกลัว "เพื่อไทย-ประชาชน" ระวังเจอ "แนวร่วมมุมกลับ"