นางสาวสายชล แตงไทย
ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบลเขากะลา
เบอร์โทร 056-267-523
ประกาศสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดนครสวรรค์
เรื่อง ประกาศผู้ชนะการเสนอราคาประกวดราคาซื้อหนังสือเรียนภาคเรียนที่ 1/2568
ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลายด้วยวิธีการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
ประกาศเรื่อง ประกวดราคาซื้อหนังสือเรียนภาคเรียนที่ 1/2568
ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์
ประกาศผลการสอบคัดเลือกเพื่อเลือกสรรเป็นพนักงานจ้างเหมาบริการ
ตำแหน่ง พนักงานขับรถห้องสมุดเคลื่อนที่ (โมบาย)
ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้ารับการสอบสัมภาษณ์ และทดสอบปฏิบัติ
ตำแหน่ง พนักงานขับรถห้องสมุดเคลื่อนที่ (โมบาย)
วันที่ 23 ก.ค.2568 เวลา 23.00 น. กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 17 เรื่องพายุวิภา โดยระบุว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่อ่อนกำลังลงจากพายุดีเปรสชัน “วิภา” ปกคลุมบริเวณตอนบนของภาคเหนือ คาดว่าจะอ่อนกำลังลงอีก โดยมีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวตามแนวร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน ออกไปทางประเทศเมียนมา ในช่วง 25-26 ก.ค.นี้
จากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมบริเวณตอนบนของภาคเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยกำลังแรง จะส่งผลทำให้ในช่วงวันที่ 23-24 ก.ค.68 บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ด้านตะวันตกของภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรง
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ในวันที่ 24 ก.ค.2568 ได้แก่ ภาคเหนือ บริเวณแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ สุโขทัย ตาก และกำแพงเพชร, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณนครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี, ภาคกลาง บริเวณอุทัยธานี และกาญจนบุรี, ภาคตะวันออก บริเวณนครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด
สำหรับทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 25 ก.ค.นี้
อ่านข่าว : น้ำทะลักท่วม รพ.น่าน งดให้บริการ-เคสฉุกเฉินไปที่ รพ.สนาม กองบิน 466
"แม่น้ำน่าน" เกินจุดวิกฤต ทะลักท่วมเขตเศรษฐกิจน่าน
“ทหาร นพค.35” ช่วยบ้านน้ำท่วม “เทิง” กระทบแล้ว 400 หลังคาเรือน
วันนี้ (24 ก.ค.2568) สำนักข่าวเฟรช นิวส์ รายงานอ้างคำพูดของผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (CMAC) ยืนยันว่า กรณีที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดในดินแดนของกัมพูชาจนทำให้ข้อเท้าขาดข้างหนึ่ง เกิดจากทุ่นระเบิดเก่าที่หลงเหลือจากสงครามที่มีอัตราเกิดระเบิดต่ำ นอกจากนี้ยังระบุว่า หากเป็นทุ่นระเบิดใหม่ ทหารคนดังกล่าวอาจสูญเสียขาทั้งสองข้างหรือบาดเจ็บสาหัส หรือเสียชีวิต
เช่นเดียวกับ สำนักข่าวขแมร์ ไทม์ส ที่รายงานว่า ผู้อำนวยการ CMAC ออกมาโต้แย้งข้อกล่าวอ้างของไทยที่ระบุว่ากัมพูชากำลังใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่เพิ่งติดตั้งใหม่ พร้อมย้ำว่า พื้นที่ชายแดนกัมพูชา-ไทยหลายร้อยกิโลเมตร ซึ่งอยู่ในอาณาเขตของกัมพูชา ยังคงเต็มไปด้วยทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิด ซึ่งรัฐบาลกัมพูชายังคงให้ความสำคัญกับการกวาดล้างทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิดเหล่านี้เพื่อความปลอดภัยของพลเรือนและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอีกด้วย
สำนักข่าวดังกล่าวยังรายงานคำกล่าวอ้างของ พล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ที่ออกมาปฏิเสธอย่างหนักแน่น เกี่ยวกับเหตุระเบิดที่ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 5 นายบริเวณใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในดินแดนกัมพูชาที่ยังคงมีวัตถุระเบิดในช่วงสงครามหลงเหลืออยู่
พร้อมย้ำว่ากัมพูชาได้ย้ำเตือนไทยหลายครั้งว่าหลายพื้นที่ตามแนวชายแดนยังคงมีทุ่นระเบิดจำนวนมากที่ตกค้างจากความขัดแย้งในอดีต ซึ่งยังไม่สามารถเก็บกวาดได้หมด และได้เรียกร้องให้ฝ่ายไทยหลีกเลี่ยงการดำเนินการที่ขัดต่อข้อตกลงร่วมกันว่าด้วยการใช้เส้นทางลาดตระเวนตามบันทึกความเข้าใจ ปี 2000 และเป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่งที่ฝ่ายไทยไม่เพียงแต่ไม่ยอมรับผิดในพฤติกรรมการรุกรานของตนเอง แต่ยังกล่าวหากัมพูชาว่าละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งที่แท้จริงแล้วกัมพูชาเป็นผู้เสียหายที่ไม่ได้รับความยุติธรรมจากการละเมิดของฝ่ายไทย
กระทรวงกลาโหมและกองทัพกัมพูชายังคงดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลกัมพูชา ในการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ในการปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความมั่นคงของประชาชน โดยจะไม่ยินยอมให้ประเทศใดๆ เข้ามารุกรานดินแดนของตนโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม
ด้านสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และเตีย เซฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา ยังแชร์โพสต์ดังกล่าวของกระทรวงกลาโหมด้วยเช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้ระบุความเห็นใดๆ เพิ่มเติม
นอกจากนี้ สำนักข่าวขแมร์ ไทม์ส ยังรายงานอ้างถ้อยแถลงของนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีที่มีการพิจารณาลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาอย่างเป็นทางการ โดยเรียกตัวเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศ และส่งเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยกลับกัมพูชา รวมทั้งจะมีการพิจารณาระดับความสัมพันธ์เพิ่มเติมเพื่อตอบโต้เหตุระเบิดที่ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณชายแดน ซึ่งยิ่งส่งผลให้ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
หลังจากการเปิดเผยดังกล่าว ด้านสำนักข่าวเฟรชนิวส์ รายงานว่าเพื่อเป็นการตอบโต้การตัดสินใจของไทย รัฐบาลกัมพูชาจึงได้ตัดสินใจลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทยลงเหลือระดับต่ำสุด (Second Charge d’Affaires) และสั่งให้เจ้าหน้าที่การทูตกัมพูชาทุกคนที่ประจำอยู่ในสถานทูตกัมพูชาในกรุงเทพฯ เดินทางกลับประเทศ และระบุว่าสถานทูตไทยประจำกรุงพนมเปญก็จำเป็นต้องดำเนินการเช่นเดียวกัน
ขณะที่สำนักข่าวขแมร์ ไทม์ส ยังรายงานว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้เพิ่มมาตรการรับมืออย่างเข้มข้น ซึ่งรวมถึงการปิดด่านชายแดนสำคัญและโบราณสถานสำคัญต่างๆ โดยกองทัพภาคที่ 2 ได้ออกคำสั่งปิดด่านชายแดน 4 แห่ง ได้แก่ ช่องจอม ช่องสายตะกู ช่องอานม้า และช่องสะงำ อย่างรวดเร็ว รวมถึงปิดสถานที่ท่องเที่ยวปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย จนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม เพื่อประท้วงการลักลอบวางทุ่นระเบิดของกัมพูชา
นอกจากนี้ยังรายงานว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังส่งหน่วยปราบจลาจลไปยังชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณใกล้ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่มีรายงานความไม่สงบในพื้นที่ดังกล่าวในทันที แต่ ผบ.ตร. ระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นมาตรการป้องกันตามที่กองทัพร้องขอ เพื่อเตรียมรับมือกับการชุมนุมหรือเหตุปะทะที่อาจเกิดขึ้นได้
อ่านข่าว : "กลาโหมกัมพูชา" โต้ปมทุ่นระเบิด ชี้ไทยลาดตระเวนนอกเส้นทาง
เจ้าหน้าที่ระดมนำบิ๊กแบก มาวางทำแนวกั้นบริเวณสะพานนครน่านพัฒนา เพื่อป้องกันน้ำไหลเข้าท่วมโรงพยาบาลน่าน และบริเวณใกล้เคียง
นอกจากนี้ เร่งช่วยขนย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และอพยพชาวบ้านบางส่วนไปยังที่ปลอดภัย หลังระดับน้ำเริ่มไหลเข้าบ้าน และท่วมถนนหลายแห่ง พร้อมกับประกาศเสียงตามสาย ขอความร่วมมือประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำ เร่งออกจากพื้นที่ เพราะกังวลว่าน้ำจะทะลัก ผ่านพนังกั้นน้ำ และเป็นอันตราย
ขณะที่เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุพนังกั้นน้ำล้ม และน้ำไหลเข้าท่วมโรงพยาบาลน่าน จึงต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหนักใส่ท่อช่วยหายใจไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียง และย้ายบริการห้องฉุกเฉินไปที่กองบิน 466 สนามบินน่าน
ล่าสุดวันนี้ (24 ก.ค.2568) โรงพยาบาลน่าน แจ้งปรับการให้บริการ โดยหยุดให้บริการชั่วคราว ผู้ป่วยนอกทุกแผนก ผู้ป่วยนัดหมายทุกแผนก การผ่าตัดที่ไม่ใช่ฉุกเฉิน ส่วนผู้ป่วยฉุกเฉิน ให้รับบริการที่โรงพยาบาลสนาม กองบิน 466 สนามบินน่าน จนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลายและเข้าสู่ภาวะปกติ
อ่านข่าว : "แม่น้ำน่าน" เกินจุดวิกฤต ทะลักท่วมเขตเศรษฐกิจน่าน
สภาพอากาศวันนี้ เตือน 4 จังหวัดเหนือ-ตะวันตก เสี่ยงน้ำท่วม
“ทหาร นพค.35” ช่วยบ้านน้ำท่วม “เทิง” กระทบแล้ว 400 หลังคาเรือน
วันนี้ (24 ก.ค.2568) กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ และด้านตะวันตกของประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก และกาญจนบุรี
ขณะที่ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางพื้นที่ กับมีลมแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเมียนมา และแนวร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง คลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่ง
อ่านข่าว : น่านฝนตกหนักน้ำหลากท่วมหลายพื้นที่ เตือน ปชช.เตรียมพร้อมอพยพ
“ทหาร นพค.35” ช่วยบ้านน้ำท่วม “เทิง” กระทบแล้ว 400 หลังคาเรือน