กศน.ตำบลเขากะลา จัดสอนอาชีพการทำขนมทองม้วนสด ให้กับประชาชนตำบลเขากะลา อำเภอพยุหะคีรี
นางสาวสายชล แตงไทย
ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบลเขากะลา
เบอร์โทร 056-267-523
ประกาศสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดนครสวรรค์
เรื่อง ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเพื่อจ้างเหมาบริการให้ปฏิบัติงาน
ตำแหน่ง นักวิชาการวิทยาศาสตร์ศึกษา
ประกาศ รับสมัคร พนักงานขับรถห้องสมุดเคลื่อนที่
ประกาศสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดนครสวรรค์
เรื่อง รับสมัครบุคคลเพื่อจ้างเหมาบริการ ตำแหน่ง นักวิชาการวิทยาศาสตร์ศึกษา
ประกาศสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดนครสวรรค์
เรื่อง ประกาศผู้ชนะการเสนอราคา ประกวดราคาซื้อรถส่งเสริมการอ่านเคลื่อนที่
สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดนครสวรรค์ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
กศน.ตำบลเขากะลา จัดสอนอาชีพการทำขนมทองม้วนสด ให้กับประชาชนตำบลเขากะลา อำเภอพยุหะคีรี
วันนี้ (19 พ.ค.2568) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะ รวมถึงนายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และเภสัชกรปรีชา พันธุ์ติเวช นายกสภาเภสัชกรรม ลงพื้นที่จ จ.นนทบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมร้านยาดรักเฮ้าส์ โครงการสุโขทัยอเวนิว 99 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด ซึ่งเป็นหนึ่งในร้านยาคุณภาพที่เข้าร่วมโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่
นายสมศักดิ์ได้รับฟังการบรรยายสรุปจากทีมงานว่า โครงการนี้เริ่มมา 2 ปี มีร้านยาคุณภาพเข้าร่วม 3,053 ร้าน และประชาชนใช้บริการสะสมถึง 8,700,000 ครั้ง ช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาลได้อย่างมาก เพราะร้านยาเหล่านี้มีเภสัชกรจ่ายยาฟรีสำหรับ 32 กลุ่มอาการป่วยเล็กน้อย เช่น ไข้หวัด ปวดท้อง หรือผื่นคัน โดยไม่ต้องไปรอคิวที่โรงพยาบาล
นายสมศักดิ์ให้สัมภาษณ์ว่า ประชาชนที่เห็นสติกเกอร์ "30 บาทรักษาทุกที่" ที่ร้านยาสามารถเข้าไปใช้บริการได้ทันที เพียงยื่นบัตรประชาชน รับการประเมินจากเภสัชกร และรับยาฟรี โดย สปสช. เป็นผู้จ่ายเงินให้ร้านยา
ปัจจุบันมีร้านยาเข้าร่วมกว่า 6,000 ร้านทั่วประเทศ แต่ยอดผู้ใช้บริการ 8,000,000 ครั้ง ใน 2 ปีถือว่าน้อยเกินไป เขาจึงอยากเชิญชวนให้ประชาชนที่มีอาการป่วยเล็กน้อยมาใช้บริการให้มากขึ้น เพื่อลดภาระโรงพยาบาล นอกจากนี้ ร้านยาคุณภาพยังใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยประเมินอาการ เพิ่มความแม่นยำและมั่นใจให้ผู้ป่วย ตามข้อมูลจาก สปสช. โครงการนี้ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงยาได้สะดวกและรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล
ต่อมา นายสมศักดิ์และคณะเดินทางไป รร.สวนกุหลาบวิทยาลัยนนทบุรี เพื่อเยี่ยมชมห้องพยาบาลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ โรงเรียนนี้มีนักเรียน 3,655 คน และมีผู้ใช้บริการห้องพยาบาลประมาณร้อยละ 1 ต่อวัน ผ่านระบบแพทย์ทางไกลด้วยแอป Clicknic ที่เชื่อมต่อนักเรียนกับแพทย์โดยตรง
นายสมศักดิ์เผยว่า ต้นทุนบริหารจัดการต่อครั้งอยู่ที่ประมาณ 190 บาท และมองว่าระบบนี้มีศักยภาพมาก อยากขยายไปทั่วประเทศ ปัจจุบันมีโรงเรียนเกือบ 200 แห่งที่มีห้องพยาบาลอิเล็กทรอนิกส์แล้ว และจะทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้เด็ก ๆ เข้าถึงการรักษาได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องออกจากโรงเรียน
เมื่อถูกถามถึงมติแพทยสภาที่ส่งถึงรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ชี้แจงว่า ได้ตั้งคณะกรรมการ 10 คน ซึ่งประกอบด้วยนักกฎหมายและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อศึกษารายละเอียดของมติอย่างรอบคอบ ขอไม่ออกความเห็นก่อน เพราะไม่ใช่ผู้รู้ด้านกฎหมายและการแพทย์ จึงมอบให้คณะกรรมการช่วยทำความเข้าใจ โดยคณะนี้จะประชุมในวันที่ 20 พ.ค.2568 เพื่อหารือเพิ่มเติม และจะรอฟังผลก่อนตัดสินใจใด ๆ
เมื่อมีคำถามถึงข้อท้วงติงจาก สว. ที่ไม่อยากให้รัฐมนตรีแทรกแซงมติแพทยสภา นายสมศักดิ์ตอบ ขอบคุณ สว. ที่ห่วงใย และยืนยันว่าไม่ได้ตัดสินใจเองอยู่แล้ว แต่ให้ผู้รู้จัดการ เพื่อให้ทุกอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม
ส่วนประเด็น พ.ร.บ.อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่ถูกมองว่าเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง นายสมศักดิ์ชี้แจงว่า ไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่เป็นการผลักดันให้ อสม. ช่วยลดโรคไม่ติดต่อ (NCDs) เช่น เบาหวาน ความดัน ซึ่งใช้เงิน สปสช. จำนวนมาก มองว่า อสม. ที่เคยช่วยควบคุมโควิดได้ดี สามารถช่วยลดผู้ป่วยและงบประมาณในส่วนนี้ได้ การออกกฎหมายจึงเพื่อสนับสนุนบทบาทของ อสม. ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ตามข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข การลดโรค NCDs จะช่วยประหยัดงบประมาณและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในระยะยาว
อ่านข่าวอื่น :
กลับดาวเลียงผา ไนท์ซาฟารีชันสูตรพบติดเชื้อรุนแรง-กล้ามเนื้อพัง
พรรคกล้าธรรมต้อนรับ "อนุดิษฐ์-การุณ" จ่อแต่งตั้งนั่งประธานยุทธศาสตร์
วันนี้ (19 พ.ค.2568) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และนายการุณ โหสกุล สมัครเข้าไปสมาชิกพรรคกล้าธรรมแล้ว โดยมี นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร ในฐานะเลขาธิการพรรค และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา ในฐานะนายทะเบียนพรรค ให้การต้อนรับ
โดยนายอรรถกร กล่าวว่า ถือว่าเป็นฤกษ์งามยามดีที่ได้ต้อนรับบุคลากรทางการเมืองที่มีอุดมการณ์ และแนวทางในการทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างเป็นทางการ ทั้ง 2 ท่านถือว่าเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงและประสบการณ์ในการบริหารประเทศ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการเข้ามาช่วยพรรคให้มีความพร้อมในการทำงานเพื่อประชาชนทั้งประเทศได้เข้มแข็งมากขึ้น โดยแสดงการต้อนรับสู่ครอบครัวกล้าธรรม พร้อมขอขอบคุณสำหรับความจริงใจมาร่วมงานกับเรา
หัวหน้าพรรคจะลงนามคำสั่งแต่งตั้ง น.อ.อนุดิษฐ์ เป็นประธานยุทธศาสตร์ เพื่อที่จะมาช่วยวางแผนและตอบโจทย์แก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน และยึดโยงที่ประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า เคยทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง แม้ช่วงหนึ่งจะเคยอยู่กันคนละพรรคการเมือง อยู่กันคนละฝั่ง แต่ได้มีการร่วมมือกันทำงาน เข้าใจการทำงานในสภาและขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน หลายคนอยากทราบว่า เหตุผลในการตัดสินใจเข้าร่วมงานกับพรรคกล้าธรรมเพราะอะไร ขอชี้แจงว่า เชื่อโดยสุจริตใจว่า พรรคการเมืองในประเทศไทยมีเป้าหมายและจุดประสงค์ที่จะทำเรื่องดี ๆ ให้กับประชาชนและประเทศชาติ แต่ที่สัมผัสมาพรรคกล้าธรรมยึดเอาพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ซึ่งเรื่องนี้ถือว่า เป็นเรื่องที่สำคัญมาก
"อาจจะมีหลายพรรคการเมืองที่ชอบใช้คำนี้ แต่สิ่งที่พรรคกล้าธรรมมีเหนือกว่าพรรคอื่น ๆ ก็คือ การปฏิบัติและลงมือทำการ ดังนั้นการจะขับเคลื่อนนโยบายใด ๆ ก็แล้วแต่ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน เราต้องเข้าใจตั้งแต่รากเหง้าของปัญหา ซึ่งพรรคกล้าธรรมมีความใกล้ชิดกับประชาชน รับฟังความทุกข์ยาก และนำปัญหาเหล่านั้นมาดำเนินการแก้ไข เรื่องนี้ถือว่า ตรงใจของผม และ สส.การุณ และวันนี้เราจะเริ่มงานใหม่กับพรรคการเมืองที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี ยิ้มแย้มแจ่มใส มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากนี้ เราจะทุ่มเทใช้ความรู้ ประสบการณ์ทำงานเพื่อให้บ้านกล้าธรรมเติบโตจากพรรคน้องใหม่ไปสู่สถาบันการทางการเมืองอย่างเข้มแข็ง" น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวต่อถึง ทำหน้าที่เป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรมว่า การกำหนดยุทธศาสตร์ ในการขับเคลื่อนพรรคเพื่อต่อสู้ในการเลือกตั้งปี 2570 จะต้องใช้เสียงของประชาชนในการสะท้อนความต้องการและปัญหาต่างๆ โดยเราจะมีแพลตฟอร์มเป็นช่องทางที่ทำให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศสามารถส่งข้อมูลต่าง ๆ มายังพรรคได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหา ความต้องการ และจะนำข้อมูลเหล่านั้นมาประมวลผล และนำไปกำหนดเป็นยุทธศาสตร์และนโยบายของพรรคต่อไป อย่างไรก็ตาม วันนี้คงเร็วเกินไปที่จะกำหนดว่าความคาดหวังของพรรคจะไปถึงจุดไหน เพราะสุดท้ายแล้วก็อยู่ที่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ
ส่วนนายการุณ กล่าวว่า ขอขอบคุณที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น วันนี้คือกลุ่มคนที่มีดีเอ็นเอเดียวกัน การเข้ามาร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม ตนได้ติดต่อกับ ร.อ.ธรรมนัส มาตลอด ท่านให้ความรัก ความใจกว้าง ความใจถึง ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส มองว่า ตนเหมาะกับบทบู๊ จึงได้รับมอบหมายให้ทำการประสานงานกับภาคและจังหวัดต่างๆ ในการที่จะขับเคลื่อนเลือกตั้งในปี 2570 เราจะมีการเฟ้นหาตัวผู้สมัครทั่วในแต่ละภาค แต่ละจังหวัด ถือเป็นภารกิจสำคัญที่ตนได้รับมอบหมาย
"ไม่ว่าใครจะพูดถึง ร.อ.ธรรมนัส อย่างไร แต่ความสง่างามของท่านคือ ท่านไม่เคยถูกข้อหาเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน ท่านมีความหวังอย่างยิ่งว่า อยากจะเห็นพรรคกล้าธรรมที่พึ่งและเป็นความหวังของประชาชน หลักในการทำงานคือ ประเทศชาติต้องมาก่อนและตามมาด้วยประชาชน ถ้าทั้ง 2 อย่างดี เราก็จะดีไปด้วยกัน นี่ถือเป็นความประทับใจที่ผมได้สัมผัสจาก ร.อ.ธรรมนัส ในอนาคตไม่ว่าเราจะเจอมรสุมอะไรเราจะฝ่าฟันและสร้างพรรคกล้าธรรมไปด้วยกัน" นายการุณ กล่าว
อ่านข่าว :
"อนุดิษฐ์-ธรรมนัส-งูเห่าส้ม" เพื่อไทย "หัก" ภูมิใจไทย ลุยไฟ กาสิโน
เปิดตัว "อนุดิษฐ์-การุณ" ร่วมงาน "กล้าธรรม"
"สุดารัตน์" ยัน "อนุดิษฐ์-การุณ" จากกันด้วยดี ขอโทษ ปชช.ปมงูเห่าในพรรค
คนละเรื่องเดียวกัน แต่เกี่ยวเนื่อง-เกี่ยวพัน ขยับครั้งนี้ มีนัยสะท้อนเมื่อ "น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ" และ "การุณ โหสกุล" อดีตสส.ค่ายแดง ยุคไทยรักไทย-พลังประ ชาชน-เพื่อไทย โบกมือลาพรรคไทยสร้างไทยของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มาซบพรรคกล้าธรรมที่มี "ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" เป็นที่ปรึกษาฯ หลังเป็นสมาชิกพรรคฯ เป็นทางการแล้ว "น.อ.อนุดิษฐ์" ก็จะรับหน้าที่ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม ขณะที่ "นฤมล ภิญโญสินวัฒน์" รมว.เกษตร ฯ ยังเป็นหัวหน้าพรรคกล้าธรรมเช่นเดิม
น.อ. อนุดิษฐ์ หรือ "ป๊อบ" เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุุ่นพี่ ร.อ.ธรรมนัส ถึง 2 ปี โดย น.อ.อนุดิษฐ์ อยู่รุ่น 23 ขณะที่ "ร.อ.ธรรมนัส" รุ่นที่ 25 และเมื่อเข้าสูู่เส้นทางการเมือง ทั้งคู่จึงมักคุ้นกันดี เพราะเคยอยู่พรรคไทยรักไทยในยุคที่ "ทักษิณ ชินวัตร" เป็นหัวหน้าพรรคฯร่วมกันมาก่อน
การตอกย้ำของ ร.อ.ธรรมนัส ที่ว่า "เราอยู่กันมาตั้งแต่วัยรุ่น เที่ยวกันกันมา แต่เราเห็นว่า ต้องเสริมทัพให้กับพรรค และ น.อ.อนุดิษฐ์ เป็นผู้ใหญ่ มีความอาวุโสทางการเมืองระดับแนวหน้าคนหนึ่ง…ก็ได้มีการคุยกันตลอดเวลาว่าพี่ต้องมาช่วยผม" ทำให้เห็นความแน่นปึ๊กของสายสัมพันธ์
สำทับด้วย "ไผ่ ลิกค์" สส.กำแพง เพชร เลขาธิการพรรคกล้าธรรม ออกมารับว่า โทรคุยกันทุก และเป็นคนชวนให้ทั้งคู่เข้ามาร่วมงาน ประกอบกับคำให้สัม ภาษณ์ของ ร.อ.ธรรมนัสที่ระบุว่า ก่อนที่ น.อ.อนุดิษฐ์และการุณจะเข้ามาได้เข้าไปปรึกษานายเก่า "ทักษิณ" มาแล้ว
ต้องไม่ลืมว่า เมื่อตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา น.อ.อนุดิษฐ์ อดีตสส.กทม. 3 สมัย อดีตสมาชิกไทยรักไทย ,พลังประชาชน และเพื่อไทย โดยในสมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปี 2554-2557 เป็นรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ต่อมาปี 2562 -2563 เป็นเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ก่อนจะย้ายมาสังกัดพรรคไทยสร้างไทย ปี 2566-2568
และเดือนพ.ค.ปี 2568 จึงย้ายเข้าบ้านใหม่ใต้ชายคาเพื่อไทย สาขา "กล้าธรรม" ดังนั้นความแน่นแฟ้นระหว่าง "ทักษิณ-ธรรมนัส-อนุดิษฐ์" คงไม่ต้องบรรยาย
"มีการคุยกันแล้ว ผมกับน.อ.อนุดิษฐ์ ไปปรึกษาท่าน (ทักษิณ) วิถีชีวิตที่อยู่กันมา เมื่อต้องแยก กันก็เป็นเรื่องปกติ เราไม่ได้มีความขัดแย้ง...มีอีกหลายคน กำลังจะเข้ามา แต่ไม่เปิดตัวทีเดียว มีทั้งคนบิ๊กเนมและ สส. ปัจจุบัน แต่ขอไม่บอกว่ามาจากพรรคไหน และไม่ใช่จากพรรคร่วมรัฐบาลจะเอามาทำไม" เน้นชัดๆ จากร.อ.ธรรมนัส
การเข้ามารับหน้าที่ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรมของ น.อ.อนุดิษฐ์ อาจเป็นความเปลี่ยนแปลงของนักการเมืองปกติทั่วไป ในเรื่องการเข้า-ออก-ย้ายสังกัดและสีเสื้อ แต่สถานการณ์ห้ำหั่นระหว่างเพื่อไทย-ภูมิใจไทย ที่มีประเด็น "กาสิโน-ฮั้วเลือก ตั้งสว." และพรรคกล้าธรรมได้ฉกสส.ของพรรคประชาชน กลายเป็นศึก "งูเห่า" ชลบุรี หลัง "กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์" ส.ส.ชลบุรี เขต 6 พรรคประชาชน ประกาศยุติบทบาท
โดยเฉพาะย้ายเข้าพรรคกล้าธรรม อาจเป็นจุดเปลี่ยน-การตั้งรับทาง การเมืองของพรรคเพื่อไทย-ผ่านทางพรรคกล้าธรรม ซึ่งอาจฉายให้เห็นภาพขบวนการกว้านหางูเห่าชัดขึ้น แม้ ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันว่า เขาจะปลีกตัวออกมาดูแลด้านการกีฬา และมองข้ามช็อตไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าแล้วก็ตาม
ท่ามกลางกระแส "ไล่ตก งูเห่าสีส้ม" จนทำให้ "ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ" หัวหน้าพรรคประชาชน ต้องใช้ยุทธวิธีดองงูเห่า คือ ไม่ไล่ออกและไม่ขับออก
แต่วิธีนี้อาจใช้ไม่ได้ผล เพราะในยุทธจักรการเมือง ต่างรับทราบดีว่า นักการเมืองในระดับเก๋าเกมและเขี้ยวลากดิน ได้ใช้วิธีการฝากเลี้ยงไว้ตามพรรคต่าง ๆ งูเห่า ยังไม่ต้องลาออกจากพรรค แค่มีหน้าที่โหวตช่วยและปลอดภัยสูง เพราะต้นสังกัดจะไม่ขับออก
สำหรับ"งูเห่าสีส้มและสีอื่นๆ"ที่ว่ากันว่า กำลังถูกไล่ตก และเป็นที่ต้องการของตลาดการเมืองนั้น มีจำนวนมากกว่า 20 ตัว เพื่อรอใช้งานและป้องกันในกรณีที่อาจเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ด้านหนึ่งเป็นเสียงที่ต้องใช้แทนพรรคประชา ชาติ ที่จะต้องมีมติโหวตไม่รับร่างกฎหมายกาสิโน หรือ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่กำลังจะถูกเสนอพิจารณาในวันที่ 9 ก.ค.นี้
อีกด้านหนึ่ง แม้ภารกิจสอยคดีฮั้วสว.สีน้ำเงิน "ข้อหาฟอกเงิน-อั้งยี่"จะต้องเร่งดำเนินการ แต่ตามกรอบข้อบังคับกฎหมายต้องเป็นไปตาม กระบวนและขั้นตอนๆ ต่าง ๆ ซึ่งกว่าจะสอบสวนผู้ถูกล่าวหาเสร็จสิ้นยังคงไม่ใช่เร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบกับความพยายามดันร่างกฎหมายกาสิโน เผือกร้อนที่ "รัฐบาล" เพื่อไทยถืออยู่ ก็มีความเร่งด่วนไม่แพ้กัน โดยมี 2 พรรค ร่วมรัฐบาล "ประชาชาติ-ภูมิใจไทย" ที่ออกมาแสดงจุดยืน " NO กาสิโน"
โดยพรรคประชาชาติ มีเหตุจำเป็นเฉพาะตัวเนื่องจากสส.ส่วนใหญ่เป็นมุสลิมในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ หากยอมรับอาจเป็นการกระทำที่ผิดหลักศาลนา ส่วน "ภูมิใจไทย" หลัง "ไชยชนก ชิดชอบ" เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ออกมาคัดค้านแล้ว ก็ยังไม่มีท่าทีใด ๆออกมาอีก
หากดูเสียงปัจจุบันของรัฐบาล พบว่า มีจำนวน 324 เสียง จำนวนนี้ เป็นเสียงของพรรคภูมิใจไทย 69 เสียง หากถูกปรับออกจะเหลือ 255 เสียง ถือว่าเกินกึ่งหนึ่ง อยู่ได้ในลักษณะปริ่มน้ำ
และถ้าได้งูเห่าเพิ่มมาอีก 20 เสียง พรรครัฐบาลจะมีเสียง 273-275 คน อยู่ในภาวะปลอดภัยและเรียกว่า "อยู่ได้" ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงต้องชิงลงมือก่อน หากเจอพรรคภูมิใจไทยเดินเกมแรงด้วยการคว่ำร่างประมาณประจำปี 2569
เกมนี้จึงต้องวัดใจว่า การให้ "น.อ.อนุดิษฐ์"มานั่งเป็นประธานยุทธ ศาสตร์กล้าธรรม โดยมี "ร.อ.ธรรมนัส" ประธานพรรคกล้าธรรม มาช่วยกันพลิกเกมกว้านหางูเห่า-ตกงูเห่า ในบ่อเพื่อนตุนไว้ เพื่อให้โหวตรับ "ร่างกฎหมายกาสิโน" ให้ผ่านวาระแรก ก่อนจะแตกหักกับค่ายสี น้ำเงิน มีความเป็นไปได้หรือไม่ ล้วนน่าจับตา... แม้ดูเหมือนจะเป็นคนละเรื่องเดียวกันก็ตาม
อ่านข่าว:
กระชับพื้นที่ “อั้งยี่-ฟอกเงิน” ดีเอสไอ เปิดเกมไล่บี้ “สว.สีน้ำเงิน”
สัประยุทธ์สุดซอย “ฟอกเงิน-ฮั้วสว.“ อำนาจเจริญ พื้นที่ชี้ชะตา ?
วันนี้ (19 พ.ค.2568) เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ชี้แจงสาเหตุการตายของ "เลียงผา" ที่ได้รับบาดเจ็บในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2568 ได้รับการประสานจากคลินิกสัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ทำการรักษาเลียงผาที่ได้รับบาดเจ็บ ขอรีเฟอร์เลียงผาไปรักษาต่อที่ รพ.สัตว์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เพื่อให้เลียงผาได้รับการตรวจวินิจฉัยร่างกาย
หลังจากได้รับการประสาน น.ส.ฐิติรัตน์ ต๊ะวันวงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ได้มอบหมายผู้เกี่ยวข้องเพื่อไปรับเลียงผาจากกรมอุทยานฯ ทันที และสั่งการให้จัดเตรียมอาคาร Quarantine เพื่อเป็นสถานที่ดูแลรักษาเลียงผาชั่วคราว โดยให้ดำเนินการตามมาตรการการป้องกันการนำเชื้อโรคเข้าสู่ในพื้นที่ของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และให้ทีมสัตวแพทย์เตรียมพร้อมในการดูแลรักษา เฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
น.สพ.รักษ์ศิริ น้อมศิริ หัวหน้ากลุ่มงานสัตวแพทย์อนุรักษ์และวิจัย เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับมอบหมาย ได้ประสานงานในส่วนที่เกี่ยวข้องและรีบเดินทางไปยังคลินิกสัตว์ป่าฯ เพื่อประเมินสถานการณ์ จากการประเมินสถานการณ์เบื้องต้น พบว่าเลียงผามีสภาพอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด ทีมสัตวแพทย์จากเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้ร่วมกับสัตวแพทย์จากคลินิกสัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จึงได้ทำการวางยาสลบเพื่อเคลื่อนย้ายเลียงผาจากคลินิกสัตว์ป่า กรมอุทยานฯ มายังโรงพยาบาลสัตว์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีทันที
ทั้งนี้การเคลื่อนย้ายดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามหลักวิชาการทางการรักษา เมื่อถึงโรงพยาบาลฯ ทีมสัตวแพทย์จากเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ได้ทำการตรวจร่างกายเลียงผาโดยใช้อุปกรณ์และเครื่องมือในการรักษา พบว่ามีลักษณะบาดแผลติดเชื้อ มีหนอนแมลงวันจำนวนหลายแผล โดยพบบาดแผลในตำแหน่งกล้ามเนื้อต้นขาหลังทั้ง 2 ข้าง และพบบาดแผลบริเวณช่องท้องจำนวน 1 แผล ลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อแต่ไม่ทะลุถึงช่องท้อง จึงได้ทำการล้าง ทำความสะอาดแผล จากการถ่ายภาพรังสีไม่พบวัตถุแปลกปลอมภายในบาดแผล ตามลำตัวพบเห็บจำนวนมาก และตรวจไม่พบไมโครชิป
เบื้องต้นสัตวแพทย์ได้ทำการเจาะเก็บเลือดเพื่อตรวจสุขภาพ และทำการรักษาด้วยการให้สารน้ำ ยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด ยากำจัดพยาธิภายนอก และวิตามินให้แก่เลียงผาแล้ว ทั้งนี้ อาการของเลียงผายังคงทรงตัว และยังคงต้องทำการติดตามอาการต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องการติดเชื้อจากบาดแผล ภาวะไตวายที่อาจเกิดได้จากการฉีกขาดของกล้ามเนื้อ และจากการติดตามอาการป่วยอย่างใกล้ชิด
ในช่วงค่ำของวันที่ 15 พ.ค.2568 พบว่าเลียงผามีความพยายามจะลุกเดินมากินน้ำ และค่อย ๆ มีอาการอ่อนแรงลงอย่างช้า ๆ และเสียชีวิตในช่วงเวลา 05.00-06.00 น. ของวันที่ 16 พ.ค.2568
สำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ได้ส่งซากเลียงผาไปชันสูตรยังห้องปฏิบัติการของคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งจากการผ่าชันสูตรพบการอักเสบของบาดแผล มีการติดเชื้อในกล้ามเนื้อต้นขา กล้ามเนื้อขาตาย มีการอักเสบของปอด ไต และพบภาวะมีลมในชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous emphysema) ใต้ผิวหนังรอบบริเวณลำตัวช่วงบน ไม่พบการฉีกขาดของช่องอกและไม่พบการหักของกระดูกซี่โครง
โดยผลการชันสูตรเบื้องต้นสันนิษฐานว่าสัตว์เสียชีวิตจากภาวะกล้ามเนื้อสลาย (Capture myopathy) ร่วมกับการติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis) ทั้งนี้ ได้มีการเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อและอวัยวะภายในส่งตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการ เพื่อยืนยันผลการชันสูตรอย่างละเอียดต่อไป
อ่านข่าวอื่น : ขสป.เชียงดาว ส่ง "เลียงผา" ถูกพรานยิงตกเขา ไปรักษาที่คลินิกสัตว์ป่าในเชียงใหม่แล้ว