หมู่ 10 บ้านพุวิเศษ ต.เขากะลา อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ 60130 081-4161915 saichontangthai@gmail.com วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 09.00 น. - 16.00 น.
ครู กศน.ตำบลเขากะลา

IMG 8622.jpq

นางสาวสายชล  แตงไทย

ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบลเขากะลา

 เบอร์โทร 056-267-523

 

 

ข่าวประชาสัมพันธ์ สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดนครสวรรค์

ข่าวประชาสัมพันธ์ทั่วไป

23 กรกฎาคม 2568

การศึกษา, เรียน สกร., รับสมัครนักศึกษา, สกร.นครสวรรค์, สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดนครสวรรค์
แพลตฟอร์ม กศน.นครสวรรค์

จำนวนผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์
033773
วันนี้
เมื่อวานนี้
สัปดาห์นี้
สัปดาห์ที่แล้ว
เดือนนี้
เดือนที่แล้ว
ผู้เข้าชมทั้งหมด
5
21
71
33530
619
891
33773

Your IP: 192.168.1.1
2025-07-23 09:39

สอบวัดความรู้ระดับชาติ (n-net) ในวันที่ 7 มีนาคม 2564 ณ โรงเรียนพยุหะวิทยาคม

 


รายชื่อ n net

 กศน.ตำบลเขากะลา จัดสอนอาชีพการทำขนมทองม้วนสด ให้กับประชาชนตำบลเขากะลา อำเภอพยุหะคีรี1582818810 news image

หน้าที่ 1 จาก 2

ข่าวประชาสัมพันธ์ ไทยพีบีเอส

ข่าวไทยพีบีเอส - home

23 กรกฎาคม 2568

ข่าวที่คุณวางใจ โดยสำนักข่าวไทยพีบีเอส ติดตามข่าวและสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศได้ที่นี่่
  • โอลิมปิก-พาราลิมปิกเตรียมแบน "นักกีฬาหญิงข้ามเพศ" ในกีฬาหญิง
    23 กรกฎาคม 2568

    เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2568 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ CNN รายงาน คณะกรรมการโอลิมปิกและพาราลิมปิกแห่งสหรัฐอเมริกา (USOPC) ประกาศปรับนโยบายตามคำสั่งบริหารของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ห้ามนักกีฬาหญิงข้ามเพศเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาหญิง การเปลี่ยนแปลงนี้สอดคล้องกับนโยบายความปลอดภัยของนักกีฬา และทำให้ USOPC สอดรับกับองค์กรกีฬาอื่น ๆ ที่มีแนวทางคล้ายกัน เช่น NCAA ซึ่งออกนโยบายจำกัดการแข่งขันของนักกีฬาหญิงข้ามเพศไปก่อนหน้านี้

    คำสั่งบริหาร 14201 มีชื่อเต็มว่า "Keeping Men Out of Women’s Sports" ลงนามโดยทรัมป์เมื่อเดือน ก.พ.2568 กำหนดให้องค์กรที่ได้รับทุนรัฐบาลต้องห้ามนักกีฬาหญิงข้ามเพศแข่งในประเภทหญิง มิฉะนั้นอาจถูกตัดงบประมาณ

    นโยบายความปลอดภัยของนักกีฬาของ USOPC ซึ่งเป็นเอกสาร 27 หน้า ไม่ได้ระบุคำว่า "ข้ามเพศ" โดยตรง แต่เพิ่มข้อความที่อ้างถึงคำสั่งดังกล่าว โดยระบุว่า "USOPC มุ่งมั่นปกป้องโอกาสของนักกีฬาในการแข่งขัน และจะทำงานร่วมกับ IOC, IPC และหน่วยงานกำกับกีฬาแห่งชาติ (NGBs) เพื่อให้มั่นใจว่าผู้หญิงมีสภาพแวดล้อมการแข่งขันที่เป็นธรรมและปลอดภัย ตามคำสั่งบริหาร 14201 และ พ.ร.บ.Ted Stevens Olympic & Amateur Sports Act"

    USOPC ได้ส่งจดหมายจาก CEO ซาราห์ เฮิร์ชแลนด์ และประธาน จีน ไซค์ส ถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยระบุว่าได้มีการหารืออย่างเคารพและสร้างสรรค์กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางตั้งแต่คำสั่งบริหารออกมา จดหมายย้ำว่า "ในฐานะองค์กรที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลกลาง มีหน้าที่ปฏิบัติตามความคาดหวังของรัฐบาล" และเสริมว่านโยบายใหม่สอดคล้องกับ พ.ร.บ.Ted Stevens ซึ่งเน้นความปลอดภัยและความเป็นธรรมในการแข่งขัน USOPC ยังกำชับให้ NGBs ปรับนโยบายให้สอดคล้องกับแนวทางนี้

    หน้าเว็บไซต์นโยบายนักกีฬาข้ามเพศของ USOPC อัปเดตเมื่อวันที่ 21 ก.ค.2568 โดยเพิ่มข้อความว่า "โปรดดูนโยบายความปลอดภัยของนักกีฬา" ขณะที่เนื้อหาเดิมยังคงระบุว่าองค์กรยึดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มากกว่าอุดมการณ์ในการพิจารณาคุณสมบัตินักกีฬาข้ามเพศ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการถกเถียงในสหรัฐฯ โดยมีมากกว่า 24 รัฐออกกฎหมายห้ามนักกีฬาหญิงข้ามเพศแข่งขันในกีฬาหญิง แม้ว่าบางกฎหมายจะถูกศาลระงับโดยมองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ

    ตัวอย่างที่สะท้อนความขัดแย้งคือกรณีในสหพันธ์ฟันดาบสหรัฐฯ (USA Fencing) ซึ่งนักกีฬาคนหนึ่งปฏิเสธแข่งขันกับนักกีฬาหญิงข้ามเพศ และสหพันธ์ได้ปรับนโยบายตั้งแต่ 1 ส.ค.2568 ให้อนุญาตเฉพาะ "นักกีฬาเพศหญิง" ในประเภทหญิง และเปิดประเภทชายให้รวมนักกีฬาทุกกลุ่มที่ไม่เข้าเกณฑ์ประเภทหญิง

    อ่านข่าวอื่น : 

    "ผมสุภาพบุรุษ" อนุทินโต้ทักษิณพาดพิง ไม่เคยเหน็บ-ไม่ผิดสัญญา

    "ทรัมป์" เก็บภาษีฟิลิปปินส์ 19% แลกเปิดเสรีการค้า

  • "ผมสุภาพบุรุษ" อนุทินโต้ทักษิณพาดพิง ไม่เคยเหน็บ-ไม่ผิดสัญญา
    23 กรกฎาคม 2568

    วันนี้ (23 ก.ค.2568) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และอดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ตอบโต้กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พาดพิงว่า "ไม่เป็นสุภาพบุรุษ" โดยระบุว่าได้ยินคำพูดจากข่าวแต่ไม่รู้สึกอะไร พร้อมย้ำว่า "ผมเป็นสุภาพบุรุษไ และไม่เคยเหน็บแนมหรือกลั่นแกล้งฝ่ายใด

    เมื่อถูกถามว่านายทักษิณพาดพิง เพราะภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาลในช่วงวิกฤต อนุทินตอบว่า ถ้าไม่รักษาข้อตกลง เขาเรียกว่าอะไร ? ตนอยู่นิ่ง ๆ ข้อตกลงคือตนดูแลกระทรวงมหาดไทย การศึกษา อว. และ แรงงาน แต่เมื่อไม่เป็นไปตามนั้นจะทำอย่างไรได้ นายอนุทินยังปฏิเสธที่จะระบุว่าใครไม่เป็นสุภาพบุรุษ โดยบอกว่าไม่ควรจับประเด็นเล็ก ๆ น้อย ๆ มาพูด เพราะประเทศไทยควรหาทางสร้างความสามัคคี โดยเฉพาะเมื่อมีสถานการณ์ตึงเครียดกับประเทศเพื่อนบ้าน คนไทยต้องรวมใจเป็นหนึ่ง

    เมื่อถามถึงคำพูดของนายทักษิณที่บอกว่าการตั้งรัฐบาลครั้งหน้าจะใช้ทีมเดิม โดยเหมือนไม่รวมพรรคภูมิใจไทย อนุทินกล่าวว่า ถ้าเลือกทีมเดิมก็ไม่แปลก ถ้าเลือกเรานั่นสิแปลก ท่านพูดถูกตามมุมของท่าน และเมื่อถามถึงจุดยืนของภูมิใจไทยหากเพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลครั้งหน้า นายอนุทินตอบว่า คำตอบอยู่ในคำพูดของนายทักษิณ ต้องไปถามนายทักษิณ ไม่ใช่ถามตน

    เมื่อถูกถามถึงการที่นายทักษิณเดินสายปราศรัย นายอนุทินระบุว่า ต้องถามตัวทักษิณเอง เพราะคนระดับนี้ย่อมมีเหตุผลของตัวเอง การคาดเดาไม่เกิดประโยชน์ ส่วนที่ว่านายทักษิณทำให้คนคิดถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ "นายกฯอิ๊งค์" น้อยลงหรือไม่ อนุทินกล่าวว่า "ตนยังคิดถึงท่านอยู่" พร้อมยิ้ม

    ส่วนกรณีน้อยใจหรือไม่ที่ถอนตัวจากรัฐบาลแล้วถูกโจมตี นายอนุทินตอบติดตลกว่า "หัวผมยังเต็ม ไม่ได้ล้าน จะน้อยใจอะไร" และสำนวน "ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ" ใช้ได้ในทางการเมืองหรือไม่ นายอนุทินตอบใช้ได้ทุกบริบท การเมืองไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร บางครั้งก็พูดอย่างทำอย่าง แต่ภูมิใจไทยพูดแล้วทำแน่นอน

    ประเด็นเมื่อเพื่อไทยผิดสัญญาแล้ว ภูมิใจไทยจะกล้าร่วมรัฐบาลอีกหรือไม่ นายอนุทินย้ำว่า "ต้องกล้า คราวที่แล้วตนไม่ได้ไปร่วมเอง เขาเชิญผมไป ถ้าพูดว่าไปเอง ผมเสียหาย เขาเชิญด้วยเงื่อนไขชัดเจน" นายอนุทินยังปฏิเสธกรณีที่นายทักษิณกล่าวว่าลูกชายของอนุทินบอกว่า พ่อจะเป็นนายกฯ เดือนสิงหาคม โดยยืนยันว่า คนนั้นไม่ใช่ลูกตน ลูกตนไม่พูดแบบนั้นแน่นอน ตนสอนลูกมาดี

    เมื่อถามว่านายทักษิณพูดถึงอนุทินบ่อยเพราะคิดถึงหรือไม่ อนุทินหัวเราะและบอกว่า อย่าพูดเล่น ท่านเป็นผู้ใหญ่ ตนทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สมัยที่อยู่ในรัฐบาล ก็ไม่เคยเหน็บแนมฝ่ายค้านหรือกลั่นแกล้งใคร นี่คือสุภาพบุรุษ ส่วนวันเกิดนายทักษิณที่ใกล้เข้ามา นายอนุทินกล่าวว่า ยังเคารพนายทักษิณในฐานะผู้บังคับบัญชาคนเดิม ส่วนการอภิปรายตามมาตรา 152 ยังไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดการพูดคุยกับพรรคประชาชน

    อ่านข่าวอื่น :

    "พายุวิภา" น้ำท่วมหนัก สุริยะสั่งคมนาคมดูแลน่าน-พะเยา-เชียงราย

    "หวยเกษียณ" ผ่านฉลุย คลัง เตรียมกฎกระทรวงถอนเงินได้ก่อน 60 ปี

     

  • คดี "น้องเมย" สู้คดีศาลทหาร ยุติธรรมหรือไม่?
    23 กรกฎาคม 2568

    คำพิพากษาของศาลทหารสูงสุด ในคดีการเสียชีวิตของภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ เมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 โรงเรียนเตรียมทหารหลังถูกรุ่นพี่สั่งธำรงวินัย ให้จำเลยจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท โดยแต่ให้รอลงอาญา จุดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์และเป็นคำถามถึงความยุติธรรมสองมาตรฐานหรือไม่ ในกรณีที่พลเรือนจะต้องสู้คดีในศาลทหาร

    คดีนี้ ครอบครัวซึ่งเป็นพลเรือนต้องมาต่อสู้ให้ลูกชายที่เป็นนักเรียนเตรียมทหาร และสถานที่เกิดเหตุก็เป็นที่โรงเรียนเตรียมทหาร จึงต้องสู้คดีในศาลทหาร เพราะเป็นการกำหนดเขตอำนาจศาล ทั้งที่เหตุเรื่องนี้ น่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย ไม่ได้เกี่ยวกับการธำรงวินัยแต่อย่างใด ตามที่ ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งข้อสังเกตไว้

    ผศ.ปริญญา มองว่า คดีนี้ควรขึ้นศาลอาญาปกติ แต่ครอบครัวตัญกาญจน์ไม่ได้รับสิ่งนั้น

    "มีการดำเนินการแบบไม่ตรงไปตรงมา มีคำถามเกิดขึ้น เรื่องที่สำคัญที่สุด สภาพร่างกายบอบช้ำไม่ใช่เรื่องของการธำรงวินัย ธำรงวินัยคือส่วนของการฝึกก็ยังพอทำเนา แต่กรณีนี้เป็นเรื่องของรุ่นพี่ดำเนินการ และจากข้อเท็จจริงภคพงศ์ถูกสั่งให้ฝึกโดยรุ่นพี่จนบาดเจ็บ ยังถูกฝืนมากกว่า 1 และเข้าใจว่าเรื่องของการขึ้นบันไดเป็นผลของการทำร้ายมากกว่าทำร้ายทางวินัยตามขอบเขตของการฝึก"

    การต่อสู้คดีในศาลทหาร ทำให้ครอบครัวไม่สามารถตั้งทนายความสู้คดีได้ ต้องใช้อัยการมาช่วยในการต่อสู้คดี ในขณะที่จำเลยกลับได้รับสิทธิในการแต่งตั้งทนายความสู้คดีได้

    ยังไม่นับรวมข้อสังเกตเรื่องความยากในการหาพยานหลักฐานมายืนยันที่ยากลำบาก ไปจนถึงกรณีที่อวัยวะบางส่วนที่หายไป อย่างสมอง หัวใจ กระเพาะอาหาร ซึ่งอาจจะเป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ถึงอาการบาดเจ็บจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต ไม่ใช่เพราะอาการเจ็บป่วย ว่าสิ่งเหล่านี้เกิดจากการช่วยเหลือ หรือบิดเบือนหลักฐาน ทำให้ความยุติธรรมบิดเบี้ยว จากความลักลั่นด้วยหรือไม่

    "มีการกลบเกลื่อนที่เห็นได้ชัด ว่ามีการส่งอวัยวะที่หายไปคืนให้ญาติแล้ว แต่พอไปรับไม่ใช่ของภคพงศ์ ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมต่อไป และทางกองทัพก็ไม่ควรนิ่งเฉย"

    นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ประธานกรรมาธิการการทหารสภาผู้แทนราษฎร ชี้ให้เห็นเรื่องนี้เช่นกัน

    "ไม่ใช่คำพิพากษาสุดท้าย ก่อนการพิพากษาต้องมีการสืบคดีต่างๆ การสอบปากคำต่างๆ จากปากคำของคนในครอบครัว พยานที่จะเข้าให้ปากคำในทางที่เป็นคุณ เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของภคพงศ์ ถูกข่มขู่ ถูกกีดกัน ถูกขัดขวางมาโดยตลอด ทำให้กระบวนยุติธรรมบิดเบี้ยว ซึ่งจะแตกต่างจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพราะใช้การไต่สวน"

    คดีภคพงศ์ เกิดขึ้นก่อนที่จะมี พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย หรือ อุ้มหาย ซึ่งถ้าเทียบเคียงกับคดีในลักษณะคล้ายกัน คือการคดีที่ครูฝึกและรุ่นพี่ซ่อม พลทหารวรปรัชญ์ พัดมาสกุล หน่วยฝึกทหารใหม่ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ที่ถูกทำร้ายร่างกายโดยอ้างว่าเป็นการซ่อม จนได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตเมื่อเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว คดีนี้ใช้ พ.ร.บ.อุ้มหาย มาดำเนินคดี พิจารณาโดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ และมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 พ.ค.2568 ที่ผ่านมา ลงโทษจำเลยที่เป็นครูฝึกและรุ่นพี่ตั้งแต่ 10-20 ปี ตามลำดับ จึงอดเทียบเคียงไม่ได้ว่าถ้าหากมีการนำคดีขึ้นศาลอาญา บทสรุปของคดีจะเปลี่ยนไปหรือไม่

    ความลักลั่นในลักษณะนี้เอง เป็นเหตุให้พรรคประชาชน เตรียมผลักดันการแก้ไข พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร เพื่อให้เกิดความยุติธรรมขึ้นอย่างแท้จริง

    "ยืนยันชัดเจนแล้วว่าต้องมีการแก้ไข พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร และ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตฯ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เพื่อให้คดีทุจริตซึ่งหลายกรณียังพิจารณาในศาลทหาร ดังนั้นทหารที่ทุจริตก็ต้องขึ้นศาลอาญาทุจริต"

    หลังจากนี้ครอบครัวยืนยันจะพยายามเดินหน้าต่อในคดีอวัยวะหาย ซึ่งก็ไม่ชัดว่าจะได้ผลให้แพทย์ที่ต้องรับผิดชอบความพยายามกลบเกลื่อนการกระทำผิด ปิดบังหลักฐานการเสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บ ไม่ใช่อาการป่วย ได้รับโทษด้วยหรือไม่ และไม่ชัดว่าจะมีคดีแพ่งต่อไปหรือไม่ แต่อย่างน้อยในคดีที่เกิดขึ้นนี้ แสดงถึงวัฒนธรรมช่วยให้ลอยนวลพ้นผิดในแวดวงทหารที่ควรต้องยุติ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่ครอบครัวของผู้ที่ต้องสูญเสียในลักษณะนี้

    อ่านข่าว :

    ชยพล-วิโรจน์ซัดศาลทหาร "คดีน้องเมย" สะท้อนความอยุติธรรม

    ไทม์ไลน์ 8 ปี คดี "เมย ภคพงศ์" นตท.ปี 1 เสียชีวิต ใน รร.เตรียมทหาร

    ศาลทหารชั้นศาลฎีกาสั่งรุ่นพี่เตรียมทหาร จำคุก 4 เดือน 16 วัน รอลงอาญา 2 ปี คดี "เมย" ภคพงศ์ เสียชีวิต

    คำบอกเล่าจากปาก "พ่อน้องเมย" เมื่อ 8 ปีก่อน 

  • "พายุวิภา" น้ำท่วมหนัก สุริยะสั่งคมนาคมดูแลน่าน-พะเยา-เชียงราย
    23 กรกฎาคม 2568

    วันนี้ (23 ก.ค.2568) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า พายุโซนร้อนวิภาที่พาดผ่านประเทศไทยกำลังส่งผลให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง เผชิญฝนตกหนัก ลมแรง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และมีความเสี่ยงดินถล่มในหลายพื้นที่ จึงสั่งการให้ทุกหน่วยงานในกระทรวงคมนาคมดำเนินมาตรการเข้มงวดเพื่อดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างใกล้ชิด โดยเน้นความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการช่วยเหลือ

    กรมทางหลวง (ทล.)

    ได้จัดเตรียมป้ายเตือนภัย ป้ายแนะนำเส้นทางเลี่ยง และเจ้าหน้าที่ประจำจุดเสี่ยงตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะในถนนสายหลักและเส้นทางภูเขาใน จ.น่าน พะเยา เชียงราย แพร่ และลำปาง ที่เสี่ยงดินถล่ม พร้อมเฝ้าระวังจุดน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำและทางหลวงสำคัญ จัดเครื่องจักร เช่น รถแบคโฮ รถบรรทุก และเครื่องสูบน้ำ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินทันที พร้อมประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เพื่อติดตามสถานการณ์และแจ้งเตือนผู้ใช้ทาง

    ข้อมูล ณ วันที่ 23 ก.ค.2568 เวลา 11.30 น. พบทางหลวงน้ำท่วมและดินถล่มใน 3 จังหวัด รวม 29 จุด (เชียงราย 14 จุด, น่าน 8 จุด, พะเยา 7 จุด) การจราจรผ่านได้ 22 จุด ผ่านไม่ได้ 7 จุด ดังนี้

    1. ทล.1093 ขุนห้วยไคร้ - ผาตั้ง (กม.48+100 – 48+150) ดินถล่มปิดผิวทาง
    2. ทล.1326 ร่องบัวทอง - สบเปา (กม.12+875 – 13+300) น้ำท่วม 10-15 ซม.
    3. ทล.101 สี่แยกช้างเผือก - ปัว (กม.410+670 – 411+100) น้ำท่วม 70 ซม.
    4. ทล.1081 บ่อเกลือ - เฉลิมพระเกียรติ (กม.102+975 – 103+025) ดินถล่มปิดผิวทาง
    5. ทล.1081 บ่อเกลือ - เฉลิมพระเกียรติ (กม.149+700 – 150+000) ดินถล่มปิดผิวทาง
    6. ทล.1097 เชียงกลาง - หางทุ่ง (กม.7+500 – 7+600) ดินถล่มปิดผิวทาง
    7. ทล.1256 ปัว - อุทยานแห่งชาติดอยภูคา (กม.25+000 – 26+000) ดินถล่มปิดผิวทาง

    แนะนำให้ผู้ใช้ถนนระมัดระวัง หลีกเลี่ยงเส้นทางฝนตกหนัก และโทรสอบถามที่สายด่วน 1586

    กรมทางหลวงชนบท (ทช.)

    สั่งหน่วยงานในพื้นที่ตรวจสอบถนนอย่างใกล้ชิด หากพบถนนเสียหายให้ติดตั้งอุปกรณ์เตือนภัยและเครื่องจักรทันที พร้อมรายงานสถานการณ์ผ่านระบบบริหารจัดการอุทกภัย (FMS) เพื่อให้ผู้บริหารและประชาชนทราบข้อมูลรวดเร็ว ข้อมูล ณ วันที่ 23 ก.ค.2568 เวลา 09.30 น. พบถนนน้ำท่วมใน 3 จังหวัด แต่ยังสัญจรได้

    1. ชม.3018 แยก ทล.108 - บ้านกิ่วแลป่าเป้า อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ (กม.11+730 – 11+740)
    2. พร.6040 บ้านน้ำพุ - บ้านแม่แรม อ.ร้องกวางและอ.สอง จ.แพร่ (กม.5+280 – 6+150)
    3. อบ.4038 แยก ทล.2173 - บ้านพิบูลมังสาหาร อ.พิบูลมังสาหารและอ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี (กม.18+000 – 18+200)

    สอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วน 1146

    กรมการขนส่งทางราง (ขร.)

    มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ป้องกันน้ำท่วมระบบราง โดยปรับปรุงระบบระบายน้ำ ขุดลอกทางน้ำ จัดเจ้าหน้าที่สำรวจพื้นที่เสี่ยง และเตรียมเครื่องมือวัดปริมาณน้ำฝน โดยเฉพาะจุดที่เคยน้ำท่วมซ้ำซาก รฟท. ตรวจสอบรางรถไฟ ตัวรถ อาณัติสัญญาณ และเครื่องกั้นอัตโนมัติให้พร้อมใช้งาน สำรองพนักงานรถจักร ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ และจัดสถานที่พักคอยผู้โดยสาร พร้อมขอให้ผู้ขับขี่ระวังจุดตัดเสมอระดับและอุโมงค์ลอดใต้ราง

    สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)

    แจ้งผู้โดยสารที่เดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง เช่น ฮ่องกง มาเก๊า และเซินเจิ้น ตรวจสอบสถานะเที่ยวบิน หากล่าช้าหรือยกเลิก สามารถเปลี่ยนเที่ยวบินหรือขอคืนเงินเต็มจำนวนได้ตามสิทธิ์ แต่ยกเว้นค่าชดเชยจากเหตุสุดวิสัย

    ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://www.caat.or.th/th/archives/97266 หรือโทร 0 2568 8800

    บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) ออกมาตรการเพิ่มความปลอดภัยการบินตามแนวทาง ICAO 4 ด้าน เพื่อให้ทุกเที่ยวบินปลอดภัยและคล่องตัว

    1. การจัดการจราจรทางอากาศ
    2. การให้บริการเครื่องอำนวยความสะดวกการบิน
    3. การตรวจสอบทางวิ่งและทางขับของสนามบิน
    4. การตรวจสอบความแข็งแรงของอาคารสถานที่ 

    บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) รายงานว่า ท่าอากาศยานเชียงใหม่จัดตั้งศูนย์ประสานงานที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ชั้น 1 ตั้งแต่ 21 ก.ค.2568 พร้อมอุปกรณ์และเจ้าหน้าที่ ปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุน้ำท่วม และประชุมประเมินสถานการณ์ทุกวันเวลา 09.00 น. รวมทั้งจัดพื้นที่จอดรถ 250 คันสำหรับผู้ได้รับผลกระทบ

    ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย อนุญาตให้ประชาชนจอดรถฟรีที่ถนนเส้นทางบ้านพักพนักงานในวันที่ 23-24 ก.ค.2568

    ส่วนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังให้บริการปกติ

    กรมเจ้าท่า (จท.)

    ออกประกาศที่ 152/2568 ขอให้ชาวเรือระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในพื้นที่ฝนฟ้าคะนอง โดยเรือเล็กในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งเพื่อความปลอดภัย

    นายสุริยะย้ำว่า กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานในสังกัดพร้อมดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะลงพื้นที่แก้ไขทันที ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลหรือแจ้งเหตุได้ที่สายด่วนกระทรวงคมนาคม 1356, ทล. 1586, ทช. 1146, รฟท. 1690, AOT 1722, และกรมเจ้าท่า 1199

    อ่านข่าวอื่น :

    สมศักดิ์เกาะติด "พายุวิภา" เตรียมยา-เวชภัณฑ์รับน้ำท่วมน่าน-พะเยา

    "พิษพายุวิภา" น้ำหงาวทะลักจาก "ภูชี้ฟ้า" เข้าท่วมเทิง "น่าน" เร่งขนย้ายข้าวของ