- ครู กศน.ตำบล
- ข่าวกิจกรรม กศน.ตำบล
- จำนวนการเข้าชม: 402
นางสาวสายชล แตงไทย
ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบลเขากะลา
เบอร์โทร 056-267-523
ประกาศสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดนครสวรรค์
เรื่อง ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเพื่อจ้างเหมาบริการให้ปฏิบัติงาน
ตำแหน่ง นักวิชาการวิทยาศาสตร์ศึกษา
ประกาศ รับสมัคร พนักงานขับรถห้องสมุดเคลื่อนที่
ประกาศสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดนครสวรรค์
เรื่อง รับสมัครบุคคลเพื่อจ้างเหมาบริการ ตำแหน่ง นักวิชาการวิทยาศาสตร์ศึกษา
ประกาศสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดนครสวรรค์
เรื่อง ประกาศผู้ชนะการเสนอราคา ประกวดราคาซื้อรถส่งเสริมการอ่านเคลื่อนที่
สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดนครสวรรค์ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
สอบวัดความรู้ระดับชาติ (n-net) ในวันที่ 7 มีนาคม 2564 ณ โรงเรียนพยุหะวิทยาคม
กศน.ตำบลเขากะลา จัดสอนอาชีพการทำขนมทองม้วนสด ให้กับประชาชนตำบลเขากะลา อำเภอพยุหะคีรี
หน้าที่ 1 จาก 2
วันนี้ (19 พ.ค.2568) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผย ความคืบหน้า คดีพิเศษที่ 32/2568 ความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 หรือ คดีนอมินี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ว่า ขณะนี้คณะพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างกระบวนการเร่งสรุปสำนวนการสอบสวน พนักงานสอบสวนที่ได้รับมอบหมายจึงกำลังทำร่างรายงานการสอบสวน ซึ่งร่างรายงานการสอบสวนมาจาก 2 ส่วน คือ
1.ส่วนที่ใช้สำหรับการแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งพนักงานสอบสวนเล็งเห็นถึงการกระทำความผิด และ 2.ส่วนสำหรับผู้ต้องหาที่จะชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา
ดังนั้น หากผู้ต้องหามีการส่งเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเข้ามา พนักงานสอบสวนก็จะต้องมีการนำการชี้แจงข้อกล่าวหาดังกล่าวเข้าประกอบในสำนวนคดีด้วย เพื่อชั่งน้ำหนักประกอบการสั่งคดีตามพยานหลักฐาน จากนั้นจึงจะได้มีการนัดหมายประชุมคณะพนักงานสอบสวนอย่างเป็นทางการ คาดว่าอย่างเร็วที่สุดจะอยู่ภายในสัปดาห์นี้ หรือต้นสัปดาห์หน้า เนื่องจากใกล้จะครบกำหนดฝากขังศาลอาญาผัดที่ 1 สำหรับ 4 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ (3 นอมินีไทย และนายชวนหลิง จาง กรรมการชาวจีน ของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ) อย่างไรก็ดี ได้รับรายงานล่าสุดว่าผู้ต้องหายังไม่ได้มีการส่งเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเข้ามา
ส่วนกรณีผู้ต้องหาคนสำคัญ คือ นายบิงลิน วู ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลอาญารัชดาภิเษกได้ออกหมายจับ ลงวันที่ 15 พ.ค.2568 ในความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 หรือนอมินี มาตรา 36 ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ โดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าว หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่ผู้เดียวหรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด หรือนิติบุคคลใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้
รวมทั้งคนต่างด้าวซึ่งยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้กระทำการดังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 - 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งให้เลิกการให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือสั่งให้เลิกการร่วมประกอบธุรกิจ หรือสั่งให้เลิกการถือหุ้น หรือการเป็นหุ้นส่วนนั้นเสีย แล้วแต่กรณี หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ต้องระวางโทษปรับวันละ 10,000 - 50,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่
ขณะนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว เร่งติดตามจับกุมตัว รวมถึงได้จัดทำหนังสือประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ว่านายบิงลิน วู ถือเป็นบุคคลที่มีหมายจับแล้ว หากมีการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักร ให้ทำการจับกุมตัวนำส่งตามหมายจับศาลได้ทันที โดยเบื้องต้น ยังไม่ปรากฏข้อมูลว่านายบิงลิน วู มีการเดินทางออกนอกประเทศแต่อย่างใด
อ่านข่าว :
สัมพันธ์ปริศนา “บิงลิน วู” ร่วมเฟรม “ตึกสตง.-รถไฟความเร็วไทย-จีน”
เปิดสายสัมพันธ์ “ชวนหลิง จาง - วู บิงลิน” ผ่าน ไชน่า เรลเวย์ No.10
"เปรมชัย" ผู้เกี่ยวข้อง เข้ามอบตัว สน.บางซื่อ คดีตึก สตง.ถล่ม
"แกงขี้เหล็ก" เมนูอาหารไทยที่อยู่คู่ครัวเรือนทุกภูมิภาคมานานแสนนาน ตั้งแต่เหนือจรดใต้ ไม่ว่าจะเป็นงานบุญ งานเทศกาล หรือมื้ออาหารในครอบครัว แกงขี้เหล็กมักปรากฏตัวในฐานะเมนูดาวเด่นที่มีทั้งรสชาติเฉพาะตัวและคุณค่าทางโภชนาการ ตามข้อมูลจากวิกิพีเดีย แกงขี้เหล็กเป็นแกงกะทิที่ใช้ ใบ ดอกอ่อน ของต้นขี้เหล็ก (Senna siamea) เป็นส่วนผสมหลัก ผสมผสานกับเนื้อสัตว์ เช่น ปลาย่างหรือหมูย่าง เครื่องแกงที่โขลกรวมพริกแห้ง หอม กระเทียม ข่า ตะไคร้ กระชาย และกะปิ และยังมีสูตรแกงขี้เหล็กอร่อยอีกแบบ ด้วยการไม่ใส่กะทิ แต่ใช้ปลาร้าเพิ่มความหอมและรสเค็มแทน
ความพิเศษของแกงขี้เหล็กไม่ได้อยู่แค่รสชาติ แต่ยังเป็นการสะท้อนภูมิปัญญาไทยในการใช้ผักพื้นบ้านที่มีคุณสมบัติทางยา ตามบทความจากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล การเตรียมแกงขี้เหล็กต้องผ่านขั้นตอนพิถีพิถัน เช่น การต้มใบและดอกขี้เหล็กเพื่อลดความขมและกำจัดสารที่อาจเป็นพิษ ซึ่งเป็นวิธีที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้เมนูนี้ไม่เพียงอร่อยแต่ยังปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ การที่แกงขี้เหล็กยังคงได้รับความนิยมในชุมชนชนบทและเริ่มกลับมาฮิตในเมือง แสดงให้เห็นถึงพลังของอาหารพื้นบ้านที่ไม่เคยล้าสมัย
ใบและดอกขี้เหล็กมีรสขม แต่เมื่อปรุงเป็นแกงแล้ว รสชาตินั้นกลายเป็นความกลมกล่อมที่ลงตัว ที่สำคัญมากกว่านั้นคือคุณค่าทางโภชนาการที่อัดแน่น ใบขี้เหล็กมี โปรตีน วิตามินบี 2 และ ธาตุเหล็กสูง ซึ่งช่วยบำรุงเลือดและป้องกันภาวะโลหิตจาง นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง หากใช้ดอกอ่อนขี้เหล็ก จะได้ วิตามินเอ ในปริมาณสูง ซึ่งดีต่อสายตาและระบบภูมิคุ้มกัน ส่วนใยอาหารในใบขี้เหล็กช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ทำหน้าที่เป็นยาระบายอ่อน ๆ และดูดซับสารพิษในลำไส้
จากแหล่งข้อมูลของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดอกขี้เหล็กมี วิตามินซีสูงถึง 484 มก. ต่อ 100 กรัม ซึ่งมากกว่าผักผลไม้ไทยหลายชนิด ทำให้เป็นแหล่งวิตามินซีชั้นยอดที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและลดระยะเวลาเป็นหวัด เว็บไซต์ Medthai ระบุว่า ขี้เหล็กมีสาร "บาราคอล" (Baracol) ที่มีฤทธิ์กล่อมประสาทและเป็นยานอนหลับอ่อน ๆ ช่วยให้หลับสบาย อย่างไรก็ตาม การบริโภคต้องปรุงให้ถูกวิธี โดยต้มใบขี้เหล็กและเทน้ำทิ้ง 2-3 ครั้งเพื่อลดความขมและสารที่อาจเป็นอันตรายต่อตับ
สารอาหารในใบขี้เหล็ก ธรรมชาติที่สร้างมาเพื่อฟื้นฟูร่างกาย ได้แก่
ช่วงเปลี่ยนฤดู โดยเฉพาะหน้าร้อนเข้าหน้าฝน หน้าฝนเข้าหน้าหนาว อากาศที่เริ่มเย็นลง อาจทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน ส่งผลให้ป่วยง่าย โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับ ระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร และผิวหนัง กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะนำให้บริโภคอาหารร้อน ปรุงสุกใหม่ และใช้ผักพื้นบ้านตามฤดูกาล เช่น ดอกขี้เหล็กและยอดมะขาม ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินซีที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและต้านโรคหวัด แกงขี้เหล็กจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะนอกจากวิตามินซีแล้ว ยังมีเครื่องเทศรสเผ็ดร้อน เช่น ข่า ตะไคร้ และพริก ที่ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด ทำให้ร่างกายอบอุ่น
ในมุมมองสากล WHO ระบุว่า การบริโภคอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุสูง เช่น วิตามินซีและธาตุเหล็ก ช่วยลดความรุนแรงของการติดเชื้อในร่างกาย ซึ่งสอดคล้องกับคุณสมบัติของแกงขี้เหล็ก นอกจากนี้ การศึกษาจากศูนย์นวัตกรรมการแพทย์แผนไทย (TTMIC) ระบุว่า ผักใบเขียวอย่างขี้เหล็กมีคลอโรฟิลและไฟเบอร์ ช่วยลดการอักเสบของผิวและบำรุงระบบทางเดินอาหาร ทำให้แกงขี้เหล็กเป็นเมนูที่ครอบคลุมทั้งการป้องกันหวัดและดูแลสุขภาพผิวในช่วงอากาศเย็น
สรรพคุณ "แกงขี้เหล็ก" ตามตำราแพทย์แผนไทย
การปรุงแกงขี้เหล็กให้อร่อยและปลอดภัยต้องอาศัยความพิถีพิถัน ข้อมูลจาก Greenery.org การเตรียมใบขี้เหล็กต้องเริ่มจากการเลือกยอดอ่อนหรือใบขนาดกลาง นำไปต้มในน้ำเกลือเพื่อลดความขม แล้วเทน้ำทิ้ง 2-3 ครั้ง จากนั้นบีบให้แห้งก่อนนำไปแกง วิธีนี้ไม่เพียงลดรสขม แต่ยังกำจัดสารที่อาจเป็นพิษต่อตับ เช่น สารในกลุ่มโครโมน ซึ่งหากบริโภคในปริมาณมากหรือไม่ปรุงให้ถูกวิธี อาจทำให้ตับอักเสบได้
ยายมาลี วัย 70 ปี ผู้ชื่นชอบการทำอาหารพื้นบ้านทั่วไป แนะนำการลดความขมใบขี้เหล็กแบบง่าย ๆ ที่ทำกันเองได้ทุกบ้าน และเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่คิดค้นกันมานานหลายสิบปี
เคล็ดลับคือ ต้ม 2 น้ำ ลวกใบขี้เหล็กในน้ำเดือด แล้วเทน้ำทิ้ง ต้มอีกครั้งจนนุ่ม แล้วจึงนำไปแกง เครื่องแกงที่ใส่ก็มี พริก หอมแดง ตะไคร้ และกะทิ จะช่วยกลบรสขม ให้ความกลมกล่อมลงตัว เครื่องแกงที่ให้รสชาติเผ็ดร้อน กระตุ้นเลือดไหลเวียน ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น ไม่รู้สึกเหน็บหนาวง่าย ๆ
ในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ก็ยังมีการทำแกงขี้เหล็กแบบไม่ใส่กะทิ แต่เพิ่มความหอมด้วยน้ำปลาร้าและสมุนไพร เช่น ใบมะกรูดและข่า ทำให้ได้รสชาติที่จัดจ้านและอบอุ่น ส่วนสูตรทั่วไปที่มีกะทิ ต้องโขลกเครื่องแกงให้ละเอียดและเคี่ยวกะทิให้แตกมันเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความมันกลมกล่อม การปรุงที่ถูกวิธีไม่เพียงทำให้แกงอร่อย แต่ยังคงคุณค่าทางโภชนาการไว้ครบถ้วน
เพื่อให้แกงขี้เหล็กเป็นส่วนหนึ่งของสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน กรมอนามัยแนะนำให้ยึด โภชนบัญญัติ 9 ประการ เช่น รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ กินร่วมกับข้าวกล้องหรือข้าวไรซ์เบอร์รีเพื่อเพิ่มใยอาหาร กินเคียงกับผักสด เช่น แตงกวา ถั่วพู หรือผักต้ม เพื่อเพิ่มปริมาณไฟเบอร์ เน้นผักและผลไม้ กินเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และดื่มน้ำเปล่าวันละ 8-10 แก้วเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิวและร่างกาย หากรับประทานแกงขี้เหล็กที่มีกะทิ ควรจำกัดอาหารที่มีไขมันอื่นในมื้อนั้น และกินผักสดอย่างน้อย 2 ทัพพีต่อมื้อเพื่อเพิ่มใยอาหาร
นอกจากการกินอาหารที่ดี วิถีชีวิตก็สำคัญไม่แพ้กัน การออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และจัดการความเครียดจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนฤดู
รู้หรือไม่ : "ต้นขี้เหล็กบ้าน" เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดชัยภูมิ
อ่านข่าวอื่น :
ไทยพีบีเอส คว้า 3 รางวัล “นาฏราช” ครั้งที่ 16
รวบแล้ว 1 ผู้ต้องสงสัยอุ้มฆ่า "ดีเจเตเต้" จ่อออกหมายจับอีก 3 คน
วันนี้ (19 พ.ค.2568) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึง กรณีนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย ว่า ตนไม่รู้จักนายณฐพร มายื่นยุบพรรคภูมิใจไทยได้อย่างไร เป็นใครก็ไม่รู้ ตนไม่ได้มองอะไร ไร้สาระ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย ไม่เข้าข่ายความผิดคำร้องยื่นยุบพรรค นายอนุทินกล่าวว่า เราไม่เคยทำอะไรผิด สมาชิกพรรคทุกคนทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร และในฝ่ายนิติบัญญัติก็ทำหน้าที่ สส. เขาก็ทำงานในส่วนของเขา ขอย้ำว่า ไม่ได้ทำอะไรผิด
ส่วนการที่นายณฐพรยื่นกล่าวหาว่า พรรคภูมิใจไทยล้มล้างการปกครองนายอนุทินหัวเราะ พร้อมกล่าวว่า “ฝันกลางวัน”
ส่วนการที่นายณัฐพร เคยยื่นยุบพรรคก้าวไกลในกรณีเดียวกัน นายอนุทิน กล่าวว่า “เป็นใครยังไม่รู้จักเลย ปัดโธ่ ยุบพรรคใครจะไปยุบได้ ใครทำผิดมาทุกคนก็ยื่นได้ ไม่ใช่ฝีมือ หรือผลงานอะไรทั้งสิ้น”
ส่วนมั่นใจว่าจะไม่มีอุบัติเหตุทางการเมืองใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “ไม่มีครับ มั่นใจไม่เคยทำอะไรที่ไม่ดี”
ส่วนกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ไปให้ปากคำชี้แจงกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องคดีฮั้ว สว. นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ทราบเลย นั่นเป็นอำนาจนิติบัญญัติ
เมื่อถามว่า หนึ่งในนั้นเป็น พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานสภาคนที่ 1 ซึ่งสนิทกับนายอนุทินด้วย นายอนุทิน กล่าวว่า นี่ไง ชัดเจน เห็นไหม เพื่อนก็เพื่อน งานก็งาน
เมื่อถามว่า นายกฯ ได้หารือถึงการแต่งตั้งคนที่จะมาคุมกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แทน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี ตนอยู่กระทรวงมหาดไทย ไม่ได้หารือเรื่องนี้ และไม่เกี่ยวข้องกับงานที่ตนกำกับดูแลอยู่
อ่านข่าว : “นายใหญ่-ครูใหญ่” เก็บตัวเงียบ การเมือง “วังเวง” หลังฮั้ว สว.ลาม
วันนี้ (19 พ.ค.2568) เมื่อเวลา 13.25 น. เกิดเหตุคนงานตกในหลุมระหว่างก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ขนาดความลึกประมาณ 19 ม.เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งให้ความช่วยเหลือ บริเวณก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าหลานหลวง ซอย 6
สำหรับโครงการก่อสร้างดังกล่าว มีรายงานว่า คือ โครงการก่อสร้างบริเวณพื้นที่ก่อสร้างสถานีหลานหลวง (OR06) ซึ่งเป็นโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์ - ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย รายละเอียดเพิ่มเติมจะรายงานให้ทราบต่อไป
รายงานข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า จุดดังกล่าวเป็นการก่อสร้างสถานีหลานหลวง ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
เบื้องต้น คาดว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น น่าจะเกิดจากระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งเป็นช่วงที่ดันปลอกเหล็กขึ้นลงเพื่อขุดดิน เพื่อก่อสร้างสถานีหลานหลวง เบื้องต้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการนำผู้บาดเจ็บออกมาก่อน หลังจากนี้จะมีการหาสาเหตุต่อไป พร้อมยืนยันว่า ที่ผ่านมาได้กำชับผู้รับเหมาเรื่องความปลอดภัยในการก่อสร้างเป็นสำคัญ
อ่านข่าว : เปิดแผนรื้อถอน 3 สะพาน ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม
วันแรก! 4 ทุ่มคืนนี้ปิดเบี่ยงจราจร 1 ช่องทางผุดรถไฟฟ้าสายสีส้ม
ดีเดย์ 15 พ.ย.67 ปิดเบี่ยงจราจร ก่อสร้างสายสีส้ม นำร่อง 5 สถานี