นางสาวสายชล แตงไทย
ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบลเขากะลา
เบอร์โทร 056-267-523
ประกาศสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดนครสวรรค์
เรื่อง ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเพื่อจ้างเหมาบริการให้ปฏิบัติงาน
ตำแหน่ง นักวิชาการวิทยาศาสตร์ศึกษา
ประกาศ รับสมัคร พนักงานขับรถห้องสมุดเคลื่อนที่
ประกาศสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดนครสวรรค์
เรื่อง รับสมัครบุคคลเพื่อจ้างเหมาบริการ ตำแหน่ง นักวิชาการวิทยาศาสตร์ศึกษา
ประกาศสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดนครสวรรค์
เรื่อง ประกาศผู้ชนะการเสนอราคา ประกวดราคาซื้อรถส่งเสริมการอ่านเคลื่อนที่
สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดนครสวรรค์ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
วันนี้ ( 21 พ.ค. 2568) ราคาทองคำโลกพุ่งแตะระดับสูงสุดที่ 3,320 ดอลลาร์แรงหนุนหลักมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ หลังความพยายามของพรรครีพับลิกันในการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของทรัมป์สะดุด เนื่องจากสมาชิกสายอนุรักษนิยมเรียกร้องให้ตัดงบ Medicaid เพิ่ม แลกกับการสนับสนุนร่างกฎหมาย ขณะเดียวกันยังมีความกังวลว่าเนื้อหาของร่างฯ อาจทำให้หนี้สาธารณะพุ่งสูง จนต้องเลื่อนการลงคะแนนออกไป
นอกจากนี้ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโกและคลีฟแลนด์ ได้แสดงความเห็นในงานประชุม Financial Markets Conference ที่รัฐฟลอริดาว่า เฟดควรอยู่ในจุดยืนที่ “เป็นกลาง” และพร้อมปรับตัวอย่างยืดหยุ่น หากมีข้อมูลใหม่สนับสนุน แต่จะไม่ปรับนโยบายอย่างเร่งรีบหากยังไม่มีความจำเป็น
ราคาทองคำแท่ง 96.5%แนวรับ 49,500 และ 49,000 บาทแนวต้าน 51,350 และ 51,700 บาท ทองคำในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้นมาในช่วงเช้า ดูยังคงติดแนวต้านเช่นเดิม โดยยังแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับรอเข้าซื้อสะสมบริเวณแนวรับที่ 49,000-49,500 บาท
ครั้งที่ 14 บวก 50 บาท
ทองแท่ง
• รับซื้อ บาทละ 52,100 บาท
• ขายออก บาทละ 51,300 บาท
ทองรูปพรรณ
• รับซื้อ บาทละ 50,285.72 บาท
• ขายออก บาทละ 52,100 บาท
ครั้งที่ 13 ลบ 50 บาท
ทองแท่ง
• รับซื้อ บาทละ 51,150 บาท
• ขายออก บาทละ 51,250 บาท
ทองรูปพรรณ
• รับซื้อ บาทละ 50,225.08 บาท
• ขายออก บาทละ 52,050 บาท
ครั้งที่ 12 บวก 50 บาท
ทองแท่ง
• รับซื้อ บาทละ 51,200 บาท
• ขายออก บาทละ 51,300 บาท
ทองรูปพรรณ
• รับซื้อ บาทละ 50,285.72 บาท
• ขายออก บาทละ 52,100 บาท
ครั้งที่ 11 ลบ 50 บาท
ทองแท่ง
• รับซื้อ บาทละ 51,150 บาท
• ขายออก บาทละ 51,250 บาท
ทองรูปพรรณ
• รับซื้อ บาทละ 50,225.08 บาท
• ขายออก บาทละ 52,050 บาท
ครั้งที่ 10 บวก 50 บาท
ทองแท่ง
• รับซื้อ บาทละ 51,200 บาท
• ขายออก บาทละ 51,300 บาท
ทองรูปพรรณ
• รับซื้อ บาทละ 50,285.72 บาท
• ขายออก บาทละ 52,100 บาท
ครั้งที่ 9 บวก 100 บาท
ทองแท่ง
• รับซื้อ บาทละ 51,150 บาท
• ขายออก บาทละ 51,250 บาท
ทองรูปพรรณ
• รับซื้อ บาทละ 50,225.08 บาท
• ขายออก บาทละ 52,050 บาท
ครั้งที่ 8 ลบ 50 บาท
ทองแท่ง
• รับซื้อ บาทละ 51,050 บาท
• ขายออก บาทละ 51,150 บาท
ทองรูปพรรณ
• รับซื้อ บาทละ 50,134.12 บาท
• ขายออก บาทละ 51,950 บาท
ครั้งที่ 7 ลบ 50 บาท
ทองแท่ง
• รับซื้อ บาทละ 51,100 บาท
• ขายออก บาทละ 51,200 บาท
ทองรูปพรรณ
• รับซื้อ บาทละ 50,179.6 บาท
• ขายออก บาทละ 52,000 บาท
ครั้งที่ 6 บวก 50 บาท
ทองแท่ง
• รับซื้อ บาทละ 51,150 บาท
• ขายออก บาทละ 51,250 บาท
ทองรูปพรรณ
• รับซื้อ บาทละ 50,225.08 บาท
• ขายออก บาทละ 52,050 บาท
ครั้งที่ 5 ลบ 50 บาท
ทองแท่ง
• รับซื้อ บาทละ 51,100 บาท
• ขายออก บาทละ 51,200 บาท
ทองรูปพรรณ
• รับซื้อ บาทละ 50,179.6 บาท
• ขายออก บาทละ 52,000 บาท
ครั้งที่ 4 บวก 50 บาท
ทองแท่ง
• รับซื้อ บาทละ 51,150 บาท
• ขายออก บาทละ 51,250 บาท
ทองรูปพรรณ
• รับซื้อ บาทละ 50,225.08 บาท
• ขายออก บาทละ 52,050 บาท
ครั้งที่ 3 บวก 50 บาท
ทองแท่ง
• รับซื้อ บาทละ 51,100 บาท
• ขายออก บาทละ 51,200 บาท
ทองรูปพรรณ
• รับซื้อ บาทละ 50,179.6 บาท
• ขายออก บาทละ 52,000 บาท
ครั้งที่ 2 บวก 50 บาท
ทองแท่ง
• รับซื้อ บาทละ 51,050 บาท
• ขายออก บาทละ 51,150 บาท
ทองรูปพรรณ
• รับซื้อ บาทละ 50,134.12 บาท
• ขายออก บาทละ 51,950 บาท
ครั้งที่ 1 บวก 450 บาท
ทองแท่ง
• รับซื้อ บาทละ 51,000 บาท
• ขายออก บาทละ 51,100 บาท
ทองรูปพรรณ
• รับซื้อ บาทละ 50,088.64 บาท
• ขายออก บาทละ 51,900 บาท
อ่านข่าว:
ราคา “ทองคำ” กรอบบ่าย + 650 “รูปพรรณ” รับซื้อทะลุบาทละ 50,000
สรุปราคาทองคำ 20 พ.ค.2568 ปิดตลาด ลบ 50 บาท ผันผวน 14 ครั้ง
ราคา “ทองคำ” ลบ 150 บาท “รูปพรรณ” ขายออก 51,350 บาท
วันนี้ (21 พ.ค.2568) ศาลปกครองสูงสุดนัดอ่านคำพิพากษาคดีที่ กระทรวงการคลังยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอน คำสั่งกระทรวงการคลัง ลงวันที่ 13 ต.ค.2559 ที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717 ล้านบาทในวันพรุ่งนี้ (22 พ.ค.)
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมด้วยสามี ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ระบุว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เนื่องจากศาลปกครองกลางในขณะนั้นเห็นว่า กระทรวงการคลังยอมรับว่าไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้กระทำให้เกิดความเสียหายโดยตรงและขั้นตอนการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนความรับผิดทางละเมิดก็ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด จึงมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ทำให้กระทรวงการคลังยื่นอุทธรณ์ต่อ
สำหรับคดีที่จำนำข้าว ที่เกี่ยวข้องกับ นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้น ถูกดำเนินคดีใน 2 ส่วนคือคดีอาญาซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ 5 ปีในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีปล่อยปละละเลยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งเป็นเหตุให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนีคดีออกจากไทยมาจนถึงขณะนี้
ส่วนคดีทางปกครองหรือทางแพ่งนั้นถูกกระทรวงการคลังออกคำสั่งให้ชดใช้ความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวกว่า 35,000 ล้านบาท พร้อมกับออกคำสั่งอายัดทรัพย์ซึ่งมีการอายัดทรัพย์สินไปแล้วบางส่วนก่อนหน้านี้
ส่วนคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายจำนำข้าว มีถูกกล่าวหา 2 คนคือ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ และ นายภูมิ สาระผล ซึ่งทั้งคู่ถูกศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุกไปแล้ว 42 ปี และ 36 ปี ตามลำดับ ต่อมาได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเรื่อยมา กระทั่งได้รับการพักโทษเมื่อปี 2567-2568 ที่ผ่านมา
อ่านข่าว :
"ยิ่งลักษณ์" เหลือคดีเดียวคุก 5 ปี ย้อนเส้นทางก่อนหนีคดี
เคาะกรอบถกงบฯ 69 วันที่ 28-31 พ.ค. รวม 41 ชม. ฝ่ายละ 20 ชม.
"สว.สำรอง" ยื่นคำร้อง กกต.จี้ทบทวนสั่ง "แสวง" ยุติปฏิบัติหน้าที่
วันนี้ ( 21 พ.ค.2568) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 5 (3/2568) โดยที่ประชุมได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดกับสินค้านำเข้าที่ไม่ได้มาตรฐาน การดำเนินธุรกิจแบบนอมินี การขายสินค้าต่างชาติผิดกฎหมายทั้งออนไลน์-ออฟไลน์ และการส่งเสริมให้เกิดการใช้แรงงานไทยและวัตถุดิบในประเทศ พร้อมผลักดันให้ภาคเอกชนใช้ประโยชน์จาก FTA อย่างเต็มที่
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้คณะกรรมการฯ ได้ดำเนินคดีกับสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐานและผิดกฎหมายไปแล้วกว่า 39,186 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 2,074 ล้านบาท และสามารถเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสินค้านำเข้าที่ต่ำกว่า 1,500 บาทได้ถึง 1,796 ล้านบาท พร้อมกันนี้ได้ ดำเนินมาตรการ Notice and Takedown ถอดสินค้าผิดกฎหมายจากแพลตฟอร์มออนไลน์แล้วกว่า 10,378 รายการ ส่วนการปราบปรามธุรกิจนอมินีมีการดำเนินคดีรวม 857 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 15,288 ล้านบาท
นอกจากนี้ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ และพลตำรวจโท พิทยา ศิริรักษ์ เป็นที่ปรึกษาเพิ่มเติมใน 2 คณะอนุกรรมการ ได้แก่ คณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (Nominee) และคณะอนุกรรมการส่งเสริมและยกระดับ SME ไทย และแก้ไขปัญหาสินค้าที่ไม่มีคุณภาพจากต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนการทำงานเชิงรุกและลงพื้นที่ทั่วประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มหน่วยงานในคณะอนุกรรมการและคณะทำงาน เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาครอบคลุมทุกมิติ
นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจโลก มีความเสี่ยงสูงที่สินค้าผิดกฎหมายและไม่มีคุณภาพจะทะลักเข้าสู่ไทย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจโดยเฉพาะ SME อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
รมว.พาณิชย์กล่าวอีกว่า รัฐบาลจะดำเนินการทุกมาตรการที่จำเป็น โดยเฉพาะสินค้าที่ขายในประเทศจะต้องระบุแหล่งที่มาของสินค้า และมีการแข่งขันด้านราคาอย่างเป็นธรรม ซึ่งคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ก็จะเข้ามาบูรณาการใช้กฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมด้วยอย่างจริงจัง พร้อมเร่งรัดให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
ด้านนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ปัญหาสินค้านำเข้าและธุรกิจนอมินีสะสมในมานานกว่า 10 ปี สาเหตุหลักมาจากกฎหมายไทยที่ไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของระบบการค้าโลก และไม่สามารถเอาผิดกับบริษัทที่ใช้คนไทยถือหุ้นแทนต่างชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์
โดยแนวทางการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ จะมุ่งล้างปัญหานอมินีเดิม ซึ่งแบ่งกลุ่มบริษัทที่มีต่างชาติถือหุ้นตั้งแต่ 0.01 – 49.99% ออกเป็น 6 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.การท่องเที่ยว 2.อสังหาริมทรัพย์ 3.อีคอมเมิร์ซ ขนส่ง และคลังสินค้า 4. โรงแรมและรีสอร์ท 5.การเกษตร และ6.การก่อสร้าง
จากข้อมูลพบว่ามีบริษัทกลุ่มเสี่ยงกว่า 46,918 ราย กระทรวงฯจะตั้งคณะทำงานระดับจังหวัดขึ้นในทุกจังหวัด ซึ่งมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายเป็นประธาน และมีพาณิชย์จังหวัดเป็นฝ่ายเลขานุการ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเข้มงวด ทั้งที่มาของเงินทุน ความสามารถในการประกอบธุรกิจ และความเชื่อมโยงกับชาวต่างชาติ
สำหรับบริษัทใหม่ที่จดทะเบียนในอนาคต จะมีการเสนอปรับปรุงกฎหมายเพื่อเพิ่มบทลงโทษต่อธุรกิจนอมินีถึงขั้นยึดทรัพย์ และจะเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อผลักดันเข้าสู่รัฐสภาโดยเร็ว รวมถึงประสานในทุกวาระ เพื่อให้กฎหมายมีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด ซึ่งการดำเนินการจะเป็นไปอย่างจริงจังและเชิงรุก โดยให้แต่ละจังหวัดดำเนินการตรวจสอบบริษัทให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน และในจังหวัดที่มีบริษัทที่อยู่ในข่ายเป็นจำนวนมากจะให้รายงานผลความคืบหน้าเป็นไตรมาสต่อไป
อ่านข่าว:
ไทย 1ใน 25 "ตลาดเกิดใหม่" น่าลงทุน คลังชี้ไทย-USA สัมพันธ์ปึ้ก
อุตฯรถยนต์ไทย "โอกาส-ท้าทาย" สนค.ชี้ไทยต้องปรับตัวรองรับตลาดโลก
รัฐบาลเลื่อนแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท เฟส 3 ไม่มีกำหนด
กรณี รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา แถลงข่าวเดินหน้าแผนงาน 8 ขั้นตอน โครงการกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง ย้ำต้องผ่านการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้เกี่ยวข้อง ทำ EIA คาดเริ่มก่อสร้างเดือน พ.ย.2570
วันนี้ (21 พ.ค.2568) น.ส.อรยุพา สังขะมาน เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า ไม่เห็นด้วยกับโครงการก่อสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง เนื่องจากกังวลว่าสิ่งก่อสร้าง และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ จะตามมาหลังการก่อสร้างกระเช้าฯ ตามที่อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เคยให้สัมภาษณ์สื่อว่ามีแนวคิดให้บริการรถยนต์ไฟฟ้า ลักษณะแบบรถกอล์ฟ ชมจุดท่องเที่ยวด้านบน และการนั่งรถซาฟารี ในโซนที่มีช้างออกมา จึงห่วงในเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
กระเช้าภูกระดึง จะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ตามมาแน่
เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวว่า กรณีอ้างความเท่าเทียมของผู้คนเพื่อก่อสร้างกระเช้าฯ นั้น แต่ละจุดไฮไลท์ท่องเที่ยวด้านบนค่อนข้างห่างกัน เช่น ผานกแอ่น ผาหล่มสัก ดูใบเมเปิ้ล ระยะทางตั้งแต่ 2-12 กิโลเมตร จึงตั้งคำถามว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวที่สุขภาพไม่แข็งแรง หรือผู้สูงอายุ จะเดินทางไปยังจุดต่าง ๆ อย่างไร
อีกทั้งเมื่อปี 2566 "ภูกระดึง" ถูกรับรองการขึ้นทะเบียนอุทยานมรดกอาเซียน แต่ไม่ใช่เพียงอุทยานฯ แห่งที่ 2 ของไทย และมีพรรณไม้ชนิดใหม่ของโลก เช่น ดอกหรีดกอ หญ้าบัวแบ กระดุมภูกระดึง จึงถือว่ามีคุณค่าและความสำคัญของพื้นที่ค่อนข้างมาก
น.ส.อรยุพา ยังตั้งคำถามถึงการบริหารจัดการ และจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวว่าทำได้จริงหรือไม่ เพื่อไม่ให้กระทบระบบนิเวศ และให้ธรรมชาติฟื้นตัว เพราะส่วนตัวมองว่าเสน่ห์ของภูกระดึง คือ การเดินขึ้น ไปชมพรรณไม้และแมลงที่สวยงามและมีคุณค่า เพราะบางต้นอยู่ริมทางเดินและเสี่ยงถูกเหยีบย่ำหากคุมจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ได้
การย้อนไปดูเอกสารโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง เมื่อปี 2568 หรือ 10 ปีก่อน พบว่าผลประโยชน์ที่ทำให้การลงทุนโครงการฯ มีความคุ้มค่า ส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของ "ผลประโยชน์ทางอ้อม" เช่น การสร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่โดยรอบ เนื่องการลงทุนจะทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น การจัดตั้งศูนย์การศึกษาเรียนรู้ธรรมชาติ พื้นที่ 1 ไร่
ส่วนในรายงานเล่มเก่า ยังระบุว่า ค่ากระเช้าขึ้น-ลงของนักท่องเที่ยวคนไทย เที่ยวละ 200 บาท และค่าเข้าศูนย์ศึกษาธรรมชาติฯ 100 บาท รวม 500 บาท จึงตั้งคำถามถึงความเต็มใจจ่ายในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้
น.ส.อรยุพา กล่าวว่า ตั้งคำถามการชู "วันเดย์ทริป" ท่องเที่ยวแบบไม่พักค้าง กลับไม่สอดคล้องกับไฮไลท์การท่องเที่ยวทั้งการดูพระอาทิตย์ขึ้นและตก ยกตัวอย่างวันธรรมดาเปิดให้ขึ้นภูกระดึง เวลา 09.00-12.00 น. และ 13.00-18.00 น. แต่วันหยุดรอบบ่ายเปิดเวลา 13.00-20.00 น.
ควรพิจารณาแต่ละกระบวนการอย่างรอบคอบ เพราะใช้เงินไม่น้อยในการศึกษาฯ และจัดทำ EIA แต่โครงการนี้เริ่มตั้งแต่พี่ยังเกิดด้วยซ้ำ ผ่านการศึกษาและผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการหลายปีแล้ว ก็ต้องมีคำถามแล้วว่าโครงการนี้เหมาะสมหรือไม่ เพราะถ้าคุ้มและดีจริงก็ถูกสร้างไปนานแล้ว
อ่านข่าว : "สรวงศ์" เคาะไทม์ไลน์ 2 ปี ปักหมุดสร้าง "กระเช้าภูกระดึง"
นักอนุรักษ์ ตั้งคำถามความคุ้มค่า สร้าง "กระเช้าภูกระดึง"
ไม่ใช่แค่หนึ่ง นักวิจัยขึ้น-ลง 15 ครั้ง สำรวจพบ "เฟิร์นชนิดใหม่" ภูกระดึง
“กระเช้าภูกระดึง” ไทม์ไลน์ 43 ปี ยังไม่มีข้อสรุป “สร้าง-ไม่สร้าง”