นางสาวสุภาพร สุผามาลา
ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล
เบอร์โทร 086-6754595
รศ.ดร.อัจฉรา ชลายนนาวิน คณบดีคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า นอกจากการเร่งพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับประชาชนที่เดือดร้อนจากนโยบายปราบปรามบัญชีม้าและปลดล็อกการอายัดบัญชีอย่างเร่งด่วนแล้ว รัฐควรจะคืนเงินเต็มจำนวนพร้อมดอกเบี้ย และควรมีเงินชดเชยเยียวยาให้แก่ผู้เสียหาย ผ่านการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่โดนอายัดบัญชีผิดพลาดเป็นการเฉพาะด้วย
รศ.ดร.อัจฉรา กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยมีกองทุนยุติธรรมในการชดเชยความเสียหายทางคดีอาญา หรือกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ให้กับประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้ว แต่ยังไม่เคยมีกองทุนเพื่อชดเชยความเสียหายจากการอายัดผิดบัญชี ซึ่งในกรณีของต่างประเทศ เช่น สหภาพยุโรป (EU) จะมีกฎหมายเพื่อการเยียวยาที่เปิดช่องให้ประชาชนสามารถไปฟ้องร้องค่าเสียหายจากรัฐได้หากมีการอายัดบัญชีผิดตัว
“เมื่อไทยยังไม่มีกฎหมาย หากประชาชนต้องการการชดเชยก็จะต้องดำเนินการฟ้องทางแพ่งและเสียค่าใช้จ่ายในการแต่งตั้งทนายเอง ต้องเสียเวลาในการต่อสู้คดีอย่างน้อย 7 ปีขึ้นไป ดังนั้นจึงเป็นความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องตั้งกองทุนฯ ขึ้นมาเพื่อเยียวยาให้กับประชาชน”
นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าวต่อไปว่า แม้กระบวนการในการจัดการบัญชีม้าของภาครัฐจะมีหน่วยงานอย่างศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) หรือ AOC มีสายด่วน 1441 มากกว่า 100 คู่สาย คอยให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาภัยออนไลน์แบบ One Stop Service ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ส่วนตัวมองว่า บุคลากรผู้ฎิบัติงานยังมีไม่เพียงพอต่อจำนวนของเคสปัญหาที่เกิดขึ้น ที่สำคัญคือควรมีบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้สอดรับและเท่าทันกับพฤติกรรมความก้าวหน้าในการก่ออาชญากรรมออนไลน์ของมิจฉาชีพ
“ขบวนการเหล่านี้ใช้เวลาสั้นมากในการนำเงินออกนอกประเทศ ดังนั้นการไปไล่ตามอายัดบัญชีจึงไม่ทัน จึงต้องมีการใช้เทคโนโลยี AI ป้องกันในเชิงรุกเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา แทนที่จะให้ปัญหาเกิดก่อนแล้วค่อยตามแก้”
ทั้งนี้ เทคโนโลยีที่ทางธนาคารควรจะนำมาใช้ คือ แมชชีนเลิร์นนิง (Machine Learning: ML) ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของ AI เพื่อนำมาช่วยในการตรวจตราพฤติกรรมบัญชีที่มีความผิดปกติหรือสุ่มเสี่ยงจะกลายเป็นบัญชีม้า และดำเนินการอายัดบัญชีต่อไปทันที หากพบว่ามีความผิดจริง
สิ่งเหล่านี้คือมาตรการเชิงป้องกันก่อนที่ความเสียหายจะเกิดขึ้น แต่ ณ วันนี้ส่วนใหญ่ภาครัฐยังใช้มาตรการเชิงตั้งรับเป็นหลัก กล่าวคือเมื่อได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหาย จึงจะสามารถดำเนินการแก้ไขความเดือดร้อนต่อไป ซึ่งถือเป็นการตามแก้ไขสถานการณ์เมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้ว อีกทั้งในระหว่างขั้นตอนกระบวนการเหล่านี้ยังได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ดังนั้นการนำเทคโนโลยี ML มาใช้จึงถือเป็นมาตรการเชิงป้องกันเชิงรุก ที่จะช่วยทั้งการตรวจจับผู้กระทำความผิด และลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนทั่วไปในคราวเดียวกัน
ด้าน ดร.วศิน ปั้นทอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ควรจะต้องมีมาตรการในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการโดนล็อกวงเงินหรืออายัดบัญชี แต่ในเชิงรายละเอียดของการคำนวนวิธีในการเยียวยาที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร เป็นสิ่งที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องมาร่วมกันออกแบบกลไก แต่ในเชิงหลักการส่วนตัวเห็นว่าผู้บริสุทธิ์ควรได้รับการเยียวยาจากภาครัฐ
อีกทั้งควรมีมาตรการตรวจคัดกรองเชิงรุก เพื่อป้องกันการเปิดบัญชีม้า เช่น การเพิ่มระบบ (One Time Password : OTP) การมีระบบพิสูจน์ตัวตน ในการเปิดบัญชีกับธนาคารมากกว่าเพียงแค่การใช้เอกสารเพียงอย่างเดียวแบบที่ผ่านมา ทั้งนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าคนที่เปิดบัญชีมีตัวตนตรงกันกับเอกสารหลักฐานที่ยื่นมา
นอกจากนี้ ควรจะมีระบบหลังบ้านให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องสามารถเฝ้าระวังผ่านการแชร์และเชื่อมโยงข้อมูลกันได้ เช่น ธนาคารต่าง ๆ สามารถดูข้อมูลการเปิดบัญชีและความเคลื่อนไหวทางบัญชีว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ประการต่อมาควรให้ธนาคารมุ่งเน้นเรื่องการสื่อสารองค์ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการจัดการบัญชีม้าให้ประชาชนซึ่งเป็นลูกค้าของตนได้ตระหนักและรับรู้รับทราบถึงมาตรการที่ธนาคารจะดำเนินการ หากตรวจพบว่าบัญชีใดมีพฤติกรรมต้องสงสัยหรือกระทำความผิด
อ่านข่าว : 2 วัน ตร.ปลดล็อก 600 บัญชี ย้ำแจ้งความได้ทุกโรงพักหรือโทร 1599
ตร.เพิ่มช่องทางปลดอายัด เร่งแก้ปัญหาผู้ได้รับผลกระทบ
ดีอีสั่งแก้ปัญหาคู่สาย AOC ไม่พอ ย้ำอายัดเฉพาะบัญชีต้องสงสัย
น.ส.อภินรา ศรีกาญจนา ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทให้บริการคนขับรถ U DRINK I DRIVE เล่าผ่านคลิปวิดีโอความยาว 2 นาทีครึ่ง ถึงเหตุการณ์ที่พนักงานของบริษัท ถูกลูกค้าทำร้ายร่างกายระหว่างขับรถไปส่งที่ จ.ชลบุรี ซึ่งตำรวจยืนยันว่าลูกค้าคนดังกล่าวเป็นไฮโซอดีตนักเคลื่อนไหวทางการเมือง
น.ส.อภินรา เล่าว่า คนขับรถโทรศัพท์มาบอกว่าถูกทำร้ายร่างกาย หลังรับลูกค้าคนนี้จากคอนโดในกรุงเทพฯ เพื่อไปส่งที่สนามซ้อมยิงปืนที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งลูกค้าหลับตลอดทาง กระทั่งลูกค้าตื่นขึ้นมาแล้วถามว่า “อยู่ไหนแล้ว?” พนักงานขับรถตอบว่า “กำลังจะถึงบางละมุงแล้ว กำลังจะเข้าสัตหีบ”
แต่จู่ ๆ ถูกลูกค้าก็ชกเข้าที่ใบหน้า และเมื่อหันไปก็เห็นปืน จึงตัดสินใจจอดรถและลงจากรถ แล้ววิ่งลงจากทางด่วนมอเตอร์เวย์ ก่อนที่จะไปหลบในโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งระหว่างหลบกำลังจะโทรกลับมาที่ศูนย์เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ลูกค้าวิ่งตามมาและทำร้ายร่างกายซ้ำอีก 2 ครั้ง ทำให้จมูกร้าว
อภินรา ศรีกาญจนา
ผู้ก่อตั้งบริษัทฯ U DRINK I DRIVE บอกอีกว่า หลังตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุ ลูกค้าคนนี้ขโมยกระเป๋าเงินของคนขับรถ และนำใบขับขี่ของคนขับรถไปด้วย อ้างว่าจะได้ทราบที่อยู่ของครอบครัวพนักงานขับรถ
ผู้บริหารของพนักงานขับรถ ยืนยันว่า ทนายความของผู้ก่อเหตุ ได้ติดต่อจ่ายเงินเยียวยา และค่าเสียหายให้พนักงานแล้ว 70,000 บาท แต่ในส่วนของคดีความยังให้เดินหน้าดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่มีการยอมความ
ขณะที่พนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 15.00 น.ของวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุมาให้ปากคำ 3 ครั้ง แต่เจ้าตัวไม่มาตามนัด ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับ
ตำรวจ ยืนยันว่า คดีนี้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการละเว้น และจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
วันนี้(20 ก.ย.2568) ที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม กลุ่มมวลชนคนเสื้อแดง รวมตัวทำกิจกรรมส่งเสียงข้ามกำแพงให้กำลังใจนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ โดยมวลชนได้ทำกิจกรรมเปิดเพลงที่นายทักษิณเคยร้อง พร้อมกับร่วมกินอาหารในช่วงเวลาเดียวกันกับที่นายทักษิณกินอาหารภายในเรือนจำ
นายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง เปิดเผยว่า กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ต้องขังต้องการ ดังนั้นมวลชนกลุ่มคนเสื้อแดงจึงได้มารวมตัวกันเพื่อแสดงพลังให้นายทักษิณรับรู้ว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้ง ในวันนี้ทุกคนมาด้วยใจ ไม่ได้มีการระดมทุนหรือถูกจ้างวาน พร้อมให้ความเห็นเกี่ยวกับการพักโทษของนายทักษิณว่าโดยปกติผู้ต้องขังที่มีอายุมากกว่า 70 ปี จะได้รับการพักโทษ 1 ใน 4 ของโทษที่ได้รับ ซึ่งในกรณีของนายทักษิณถูกลงโทษจำคุก 1 ปี ก็จะเหลือโทษจำคุก 4 เดือน
ทั้งนี้ ตำรวจ สน.ประชาชื่น และเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ คอยดูแลความสงบเรียบร้อยตลอดการจัดกิจกรรมดังกล่าว และแก้ปัญหาการจราจรบริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม
ส่วนความเคลื่อนไหวของนายทักษิณที่ถูกคุมขังเป็นวันที่ 11 มีรายงานว่าเมื่อวานนี้ (19 ก.ย.) เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ได้นำตัวนายทักษิณไปตรวจสุขภาพร่างกายที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ หลังจากมีอาการอ่อนเพลียและปวดตามร่างกาย เนื่องจากมีโรคประจำตัว หลังเข้ารับการตรวจเสร็จสิ้น นายทักษิณถูกนำตัวกลับเข้ามาที่เรือนจำกลางคลองเปรม เพื่อดำเนินการเช่นเดียวกับผู้ต้องขังคนอื่น ๆ ตามปกติ
อ่านข่าว : ชู “ณัฐพงศ์” สามี “เอม” เป็นนายกฯ กลเกมเพื่อไทย สกัด “เลือดไหล” ท้ารบ
วันนี้ (20 ก.ย.2568) จังหวัดสระแก้ว ออกแถลงการณ์ ว่า ตามที่ได้มีการประชุมร่วมระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กับผู้ว่าราชการจังหวัดบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย เมื่อวันที่ 17 ก.ย.2568 ที่ห้องประชุมด่านตรวจคนเข้าเมืองจุดผ่านแดนถาวรปอยเปต จังหวัดบ็อนเตียย์เมียนเจีย กัมพูชา
ผู้ว่าราชการจังหวัดบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย ได้นำเสนอข้อเสนอของบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย เกี่ยวกับพื้นที่พิพาทบริเวณชายแดนของทั้งสองประเทศด้านจังหวัดสระแก้ว และจังหวัดบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย ดังนี้
1.ขอเสนอให้คงสภาพเดิมไว้โดยเคารพข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 ก.ค.2568 และผลการประชุม GBC สมัยพิเศษ เมื่อวันที่ 7 ส.ค.2568 ผลการประชุม RBC ที่ผ่านมา และผลการประชุมชุมพิเศษ GBC เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2568 และไม่ขยายขอบเขตของปัญหาหรือความขัดแย้ง โดยรอมติจากคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ของทั้งสองประเทศ คือ กัมพูชา - ไทย ในอนาคต
2.เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะบันทึกความเข้าใจร่วม MOU ปี 2543 และ TOR ปี 2546 ฝ่ายไทยต้องอนุญาตให้ประชาชนชาวกัมพูชาเดินทางกลับไปในพื้นที่ของตนเองได้ และจะต้องทำการรื้อถอนลวดหนาม ผ้าสแลน และยางรถยนต์ออกจากพื้นที่ที่ไทยได้วางไว้
3.ขอให้ฝ่ายไทยงดเว้นการกระทำใด ๆ เช่น การติดตั้งรั้วลวดหนามเพิ่มเติม การออกหนังสือถือครองกรรมสิทธิ์ การทำลายบ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชนที่อาศัยอยู่ติดรั้วลวดหนาม และการกระทำใด ๆ ในพื้นที่ หรือบริเวณพื้นที่ที่คณะกรรมการ JBC ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ตกลงกัน
4.กรณีที่ไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของจังหวัด จะต้องส่งเรื่องไปยัง GBC หรือ JBC
ทั้งนี้ จังหวัดสระแก้วได้พิจารณาข้อเสนอของผู้ว่าราชการจังหวัดบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย กัมพูชา แล้ว และได้มีหนังสือตอบข้อเสนอดังกล่าว โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.จังหวัดสระแก้วขอให้ประชาชนชาวกัมพูชาที่รุกล้ำ อพยพออกไปให้พ้นแนวพื้นที่อ้างสิทธิ์ตลอดแนวชายแดนจังหวัดสระแก้วทุกพื้นที่ โดยให้ส่งแผนการอพยพให้จังหวัดสระแก้ว ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย - กัมพูชา ครั้งต่อไป ที่จะจัดขึ้นภายในวันศุกร์ที่ 10 ต.ค.นี้
2.ให้จังหวัดบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย ปฏิบัติตามข้อเสนอของจังหวัดสระแก้วทั้ง 8 ข้อ ที่ได้เสนอในการประชุมร่วมระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กับผู้ว่าราชการจังหวัดบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย เมื่อวันที่ 17 ก.ย.2568 หากไม่ดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าว จังหวัดสระแก้วจะแจ้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ในระหว่างวันที่ 25-27 ก.ย.นี้ และจะไม่มีการเจรจาในระดับจังหวัดอีกต่อไป
3.จังหวัดสระแก้ว พร้อมดำเนินการกับผู้ที่รุกล้ำอธิปไตย ทำลายหรือขโมยทรัพย์สินของทางราชการ ทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชนคนไทยตามกฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทยอย่างเด็ดขาดในขอบเขตอธิปไตยของประเทศไทย
อ่านข่าว : ทบ.แถลงครบ 53 วัน หลัง "หยุดยิง" พบ "กัมพูชา" ละเมิดข้อตกลงหลายเหตุการณ์
ทร.เก็บกู้ 4 ทุ่นระเบิด PMN-2 เส้นทางลาดตระเวน "ภูมะเขือ"
ทภ. 2 พบโดรนเขมร 28 ลำเหนือปราสาทพระวิหาร-ตาควาย-ช่องสายตะกู