หมู่ 7 ต.ศาลเจ้าไก่ต่อ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ 60150 056-271501 086-6754595 Maresa.su@gmail.com
ครู ศกร.ระดับตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ

154630282 280508370089740 6343618238427494705 n

นางสาวสุภาพร  สุผามาลา

ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล

 เบอร์โทร 086-6754595

 

 

แพลตฟอร์ม กศน.นครสวรรค์

จำนวนผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์
017389
วันนี้
เมื่อวานนี้
สัปดาห์นี้
สัปดาห์ที่แล้ว
เดือนนี้
เดือนที่แล้ว
ผู้เข้าชมทั้งหมด
4
24
184
17100
358
332
17389

Your IP: 192.168.1.1
2025-09-21 07:32

โครงการล้านเมล็ดพันธ์ต้านภัยโควิท-19

  238597826 1278629532609299 4081086432341167662 n235639608 1701854696671627 7868282119281771805 n236511173 3850172355089460 4991323716137592016 n

สุภาพร สุผามาลา

ข่าวประชาสัมพันธ์ สำนักงาน กศน.นครสวรรค์

ข่าวประชาสัมพันธ์ทั่วไป

การศึกษา, เรียน สกร., รับสมัครนักศึกษา, สกร.นครสวรรค์, สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดนครสวรรค์
ข่าวประชาสัมพันธ์ ไทยพีบีเอส

ข่าวไทยพีบีเอส - home

21 กันยายน 2568

ข่าวที่คุณวางใจ โดยสำนักข่าวไทยพีบีเอส ติดตามข่าวและสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศได้ที่นี่่
  • ครูศิลปะวัย 49 ปี ล่วงละเมิด ป.5 ตร.สระแก้วจับคาคอนโด กทม.
    21 กันยายน 2568

    เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2568 เกิดเหตุสะเทือนใจสร้างความเสียหายทั้งร่างกายและจิตใจเด็กนักเรียนหญิง เมื่อครูผู้สอนใช้อำนาจในทางมิชอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.โคกสูง จ.สระแก้ว ได้บุกเข้าจับกุมตัวนายสมิท อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นข้าราชการครูสอนวิชาศิลปะในโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สระแก้ว ขณะที่เขากำลังหลบหนีอยู่ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในแขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

    การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากนายสมิทก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศเด็กนักเรียนหญิงชั้น ป.5 หลายครั้ง โดยใช้วิธีการล่อลวงเด็กให้เกิดความไว้วางใจ ก่อนลงมือกระทำ ซึ่งทำให้เด็กได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งทางร่างกายและจิตใจ ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลนานเกือบ 1 เดือน หลังจากได้รับแจ้งเหตุจากผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โคกสูง ได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ จนสามารถขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดสระแก้ว และนำไปสู่การติดตามตัวผู้ต้องหาจนพบและจับกุมได้ในที่สุด

    ผู้ต้องหาถูกตั้งข้อหาหลายกระทงร้ายแรง ได้แก่ กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี, กระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี, พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร และ พาเด็กไปเพื่อการอนาจาร ในระหว่างการสอบสวนเบื้องต้น นายสมิทให้การรับสารภาพในทุกข้อกล่าวหา แต่กลับอ้างว่า "เด็กเป็นฝ่ายมายั่วยวนก่อน" ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อคำให้การดังกล่าว เนื่องจากขัดแย้งกับพยานหลักฐานและคำให้การของผู้เสียหาย

    หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.โคกสูง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป คดีนี้ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจให้สังคมตื่นตัวกับปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศในสถานศึกษา โดยเฉพาะการปกป้องเด็กและเยาวชนจากผู้ที่ควรเป็นแบบอย่าง

    อ่านข่าวอื่น :

    น้ำป่าสักล้นพนัง "หล่มสัก" ท่วมหนักสุดรอบ 20 ปี เสียหายเกินร้อยล้าน

    เส้นทางบัญชีม้า "คนไร้บ้าน" เป้าหมายขบวนการใหญ่ โยงค้ามนุษย์

  • "อนุทิน" ปราศรัยเวทีศรีสะเกษ ย้ำเป็นนายกฯ ของคนไทย "ไม่เปิดด่าน"
    21 กันยายน 2568

    วันนี้ (21 ก.ย.2568) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เดินทางลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ที่ อ.ขุนหาญ และ อ.ภูสิงห์ โดยมีประชาชนจำนวนมากรอต้อนรับที่อาคารอเนกประสงค์ เทศบาลตำบลโพธิ์กระสัง

    การปราศรัยครั้งนี้ นายอนุทินขึ้นเวทีร่วมกับผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย ย้ำว่าพรรคไม่ได้ทำงานเฉพาะช่วงเลือกตั้ง แต่พร้อมอยู่เคียงข้างประชาชน โดยช่วงหนึ่งของการปราศรัย นายอนุทินถามชาวบ้านว่าต้องการให้เปิดด่านหรือปิดด่าน ซึ่งชาวบ้านตอบว่าไม่อยากให้เปิด จึงย้ำว่าประชาชนทั้งประเทศก็ไม่ต้องการ แล้วใครจะกล้าเปิด พร้อมพูดเปรียบเปรยว่า

    อย่าว่าแต่สุนัขไม่กล้าเปิดเลย หนูก็ไม่กล้าเปิดเช่นกัน

    นอกจากนี้บางช่วงของการปราศรัย นายอนุทิน ยังย้ำว่า ตนเป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทย ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีของประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมยอมรับว่าแม้จะมีความเป็นเพื่อนกับกัมพูชา แต่หากต้องเลือกจะเลือกประเทศไทยและยืนข้างประชาชนก่อน

    ในเวลาใกล้เคียงกัน นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัย เน้นโจมตีการทำงานของรัฐบาลชุดก่อน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่ถูกมองว่าบริหารประเทศเอื้อประโยชน์ต่อประเทศเพื่อนบ้าน จนทำให้ประชาชนตามแนวชายแดนต้องเผชิญปัญหาความไม่ปลอดภัยจากกระสุนปืนใหญ่

    แกนนำพรรคยังกล่าวพาดพิงถึงเหตุการณ์คลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ผู้นำกัมพูชา พร้อมย้ำจุดยืนของพรรคภูมิใจไทยว่าไม่มีนโยบายเปิดด่านทันที หากยังไม่มีความชัดเจนเรื่องเขตแดนและข้อตกลงระหว่าง 2 ประเทศ

    อ่านข่าว

    "เพื่อไทย" ล็อกเป้าซัก "รัฐบาลอนุทิน" บริหารราชการ-คุณสมบัติ รมต.

    จิรายุลั่น พท. ไม่ร่วมดีลส้ม-น้ำเงิน ขอเป็น "ฝ่ายค้านสุภาพบุรุษ"

    โฆษก ทบ.ยืนยันไทยมีสิทธิดำเนินคดีชาวกัมพูชารุกเขตไทย

  • น้ำป่าสักล้นพนัง "หล่มสัก" ท่วมหนักสุดรอบ 20 ปี เสียหายเกินร้อยล้าน
    21 กันยายน 2568

    วันนี้ (21 ก.ย.2568) สถานการณ์น้ำท่วมใน อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ยังคงน่ากังวล หลังจากแม่น้ำป่าสักล้นตลิ่งทะลักเข้าท่วมพื้นที่เขตเศรษฐกิจและชุมชนในตัวเมืองหล่มสัก เป็นครั้งที่ 3 ในรอบปีนี้ สาเหตุหลักมาจากฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ตอนบนช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงอย่างรวดเร็ว จนกระสอบทรายและพนังกั้นน้ำที่ตั้งไว้พังทลายลง น้ำสีแดงขุ่นไหลเชี่ยวทะลักเข้าท่วมถนนสายหลักและบ้านเรือน

    คาดว่าระดับน้ำเพิ่มสูงเกือบ 1 เมตร ส่งผลกระทบต่อ 11 ชุมชนในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก โดยเฉพาะย่านเศรษฐกิจกลางเมือง เช่น ถนนวจี ถนนพิทักษ์ ถนนคนเดิน ตลาดหล่มสัก และพิพิธภัณฑ์หล่มสัก ซึ่งมีระดับน้ำสูงเฉลี่ย 50-100 เซนติเมตร ทำให้รถยนต์และการเดินทางลำบากมาก โรงเรียน 5 แห่งต้องปิดเรียนชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

    วานนี้ (20 ก.ย.) ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่และเพื่อนบ้าน ทำให้รีบช่วยกันขนย้ายทรัพย์สิน ข้าวของ และยานพาหนะขึ้นสู่ที่สูงทันที ท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวแรง ชาวบ้านหลายคนโพสต์คลิปวิดีโอบนเฟซบุ๊ก แสดงภาพน้ำสีแดงขุ่นพัดพาสิ่งของและทำให้การเดินฝ่าน้ำยากลำบาก

    โดยบางคนต้องลุยน้ำออกจากบ้าน จับเชือกที่ยึดไว้เพื่อไม่ให้ถูกน้ำพัด และมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยคอยประคองข้ามฝั่ง ขณะที่บางครอบครัวเร่งเคลื่อนย้ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไปยังพื้นที่ปลอดภัย นอกจากนี้ ยังเกิดเหตุระทึกเมื่อเด็กชาย 3 คนถูกน้ำพัดไปติดต้นไม้กลางทุ่งนาในตำบลตาลเดี่ยว ทีมอาสาสมาคมสว่างมงคลศรัทธาเพชรบูรณ์ เข้าช่วยเหลือและปลอบใจก่อนส่งคืนผู้ปกครอง

    ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย นายชัยชนะ ล้ออุทัย ชาวอำเภอหล่มสัก เล่าว่า น้ำท่วมครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้ ยังดีที่เกิดในช่วงกลางวันและมีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ทำให้ส่วนใหญ่เก็บของทัน ไม่เหมือนครั้งต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งทรัพย์สินและสินค้าเสียหายจำนวนมาก โดยเฉพาะร้านค้าขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จมน้ำหนัก เจ้าของร้านยืนยันว่าครั้งนี้ช่วยลดความเสียหายได้บ้าง แต่โดยรวมยังอ่วมหนัก คาดการณ์ความเสียหายเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ถือเป็นวิกฤตรุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี เทียบเคียงกับน้ำท่วมใหญ่ปี 2554

    นายภาคภูมิ ภูมี นายอำเภอหล่มสัก มอบหมายให้กองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอหล่มสักที่ 4 ระดมกำลังพลและอุปกรณ์ช่วยเหลือประชาชนทันที โดยใช้รถยนต์ตรวจการณ์ 1 คัน ออกตรวจตราพื้นที่น้ำท่วม ช่วยเสริมแนวคันกั้นน้ำริมแม่น้ำป่าสัก และช่วยขนย้ายทรัพย์สินขึ้นพื้นที่สูง

    นอกจากนี้ ยังตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนที่หอประชุมอำเภอหล่มสัก เพื่อเป็นจุดประสานงานและให้ความช่วยเหลือผู้เดือดร้อน โดยรายงานยอดผู้ประสบภัยเฉพาะอำเภอหล่มสักกว่า 17,000 คน จังหวัดเพชรบูรณ์จึงประกาศคำเตือนให้ประชาชนริมแม่น้ำป่าสักทั้งสองฝั่ง ยกของขึ้นที่สูง อพยพไปพื้นที่ปลอดภัย และหลีกเลี่ยงการเดินทางเสี่ยง

    ขณะที่สถานการณ์ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (21 ก.ย.) หน่วยกู้ภัยสว่างมงคลศรัทธาธรรมสถานเพชรบูรณ์ รายงานว่าระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักลดลงแล้ว 30 เซนติเมตร ทำให้รถเล็กสัญจรได้ในบางจุด แต่พื้นที่ลุ่มต่ำยังมีน้ำขังบนถนนสูง 10-15 เซนติเมตร โดยเฉพาะ ต.หนองไขว่ ปากดุก ช้างตะลูด บ้านไร่ และลานบ่า ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำท้ายน้ำยังคงตึงเครียด หากไม่มีฝนเพิ่มหรือน้ำเหนือไหลมาสมทบ คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติในเร็ววัน

    แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าระวังฝนตกหนักซ้ำเติม โดย กอปภ.จังหวัดเพชรบูรณ์ สั่งกำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเตรียมบุคลากรและเครื่องจักรกลสาธารณภัย รองรับสถานการณ์ 24 ชั่วโมง

    อ่านข่าวอื่น :

    หมายจับ "ไฮโซลูกนัท" ขโมยใบขับขี่-ขู่ทำร้ายครอบครัว พนง.ขับรถ

    6 วัยรุ่นป่วนเวที รุมทำร้ายหมอลำ "ดอกเหมย" งานแข่งเรือกาฬสินธุ์



  • เส้นทางบัญชีม้า "คนไร้บ้าน" เป้าหมายขบวนการใหญ่ โยงค้ามนุษย์
    21 กันยายน 2568

    วันนี้ (21 ก.ย.2568) ปัญหาการอายัดบัญชีธนาคารที่ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เดือดร้อนกำลังเปิดเผยเส้นทางสำคัญของ "บัญชีม้า" ซึ่งไม่ได้เกิดจากคนสมัครใจเพียงอย่างเดียว แต่โยงใยไปถึงกลุ่มคนไร้บ้านที่กำลังถูกหลอกใช้เป็นเหยื่ออย่างเป็นระบบ มูลนิธิกระจกเงาเป็นหน่วยงานแรกที่ออกมาเปิดข้อมูลเบื้องหลัง โดยชี้ว่าอาจมีนายหน้า เจ้าหน้าที่รัฐ และแม้กระทั่งธนาคารที่รู้เห็นเป็นขบวนการใหญ่ ซึ่งเข้าข่ายการค้ามนุษย์ ชวนคุยต่อกับคุณจิราพร คำภาพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านปัญหาสังคม

    คนไร้บ้านซึ่งไร้รายได้และไร้อาชีพ คือจุดอ่อนที่ขบวนการใช้เป็น "ประตู" หลอกพวกเขาเข้าไปสู่เส้นทางอาชญากรรม และนี่คือช่องว่างที่ขบวนการบัญชีม้าแฝงตัวเข้ามาได้อย่างแนบเนียน ทีมข่าวเดินสำรวจเพียงพื้นที่เล็ก ๆ ใต้ร่มไม้ที่สนามหลวง ก็พบคนไร้บ้านไม่ต่ำกว่า 10 คน ทุกคนเล่าว่าเคยถูกชักชวนไปเปิดบัญชีม้าและดาวน์รถมอเตอร์ไซค์

    อีกรายหนึ่งซึ่งเป็นผู้หญิงเล่าว่า ถูกเสนอค่าตอบแทน 3,000 บาทต่อบัญชี ให้ไปเปิดถึงจังหวัดฉะเชิงเทรา รวม 5 บัญชี แต่เธอปฏิเสธเพราะรู้ว่าอาจถูกดำเนินคดี ชายไร้บ้านรายนี้ยอมรับว่า เจอ "นายหน้า" มาชักชวนแทบทุกวัน แต่เลือกปฏิเสธเพราะกลัวผลทางกฎหมาย

    ไม่ใช่แค่คำบอกเล่าของคนไร้บ้านเท่านั้น แต่แม้แต่คนขับรถตุ๊กตุ๊กในพื้นที่ก็ยืนยันตรงกันว่า ตำรวจมักมีหมายจับมาควบคุมตัวคนไร้บ้านอยู่บ่อยครั้ง ในข้อหาเกี่ยวกับบัญชีม้า จากการสอบถาม พบเสียงสะท้อนตรงกันว่า ขบวนการนายหน้ามาที่นี่แทบทุกวัน ชักชวนคนไร้บ้านให้เปิดบัญชี แต่สิ่งที่ไม่มีวันเห็นคือมาตรการจัดการอย่างจริงจัง

    ปัจจุบันมีราว 700 ชีวิตกลางสนามหลวงที่กำลังถูกผลักให้เป็น "ผู้ร้าย" แต่ในความเป็นจริง หลายคนคือ "เหยื่อ" ของขบวนการบัญชีม้า และคำถามสำคัญที่ยังไร้คำตอบคือ ใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังเครือข่ายนี้ ?

    แผนผังขบวนการบัญชีม้าที่สนามหลวง ตามข้อมูลที่ทีมข่าวไทยพีบีเอสได้มา คนไร้บ้านบอกตรงกันว่า มักมีทั้งชายและหญิง รวมถึงคนขับวินจักรยานยนต์ มาติดต่อให้ไปเปิดบัญชี โดยเสนอค่าตอบแทนตั้งแต่ 500 - 5,000 บาทต่อบัญชี เป้าหมายคือธนาคารสาขาในห้างสรรพสินค้า เพื่อหลบเลี่ยงการสังเกต

    ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีข้อมูลว่าบางคนถูกชักชวนให้ไปดาวน์รถมอเตอร์ไซต์ เพื่อนำรถไปขายอีกทอดหนึ่ง ขบวนการนี้ใหญ่เกินกว่าจะมีเพียง "นายหน้า" กับ "คนไร้บ้าน" เท่านั้น มูลนิธิกระจกเงาซึ่งติดตามเรื่องนี้เชื่อว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

    สมบัติ บุญงามอนงค์ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า ทุกครั้งที่มีการตรวจสอบ หรือแจ้งปิดบัญชีม้าที่เปิดโดยคนไร้บ้าน จะต้องไปติดต่อปิดบัญชีทีละธนาคาร ขั้นตอนที่ซับซ้อนเช่นนี้ กลับกลายเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับผู้ที่แท้จริงแล้วเป็นเพียง "เหยื่อ"

    ปัญหานี้ทำให้มูลนิธิกระจกเงาออกมาเรียกร้องให้ตำรวจและธนาคาร เร่งปิดช่องโหว่ทางกฎหมาย และหากเป็นไปได้ ควรมีมาตรการกันคนไร้บ้านไว้เป็นพยาน หรือแม้กระทั่งพิจารณานิรโทษกรรมในคดีบัญชีม้า เพราะแม้พวกเขาจะได้รับค่าตอบแทนเล็กน้อย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือการถูกหลอกเข้าข่ายการค้ามนุษย์

    สมบัติ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า นี่คือการค้ามนุษย์รูปแบบใหม่ ใช้ประโยชน์จากตัวตน Identity online ของเหยื่อ แต่กฎหมายยังตีความไปไม่ถึง คำถามคือ เราจะปล่อยให้คนไร้บ้านต้องถูกตีตราเป็น "ผู้ร้าย" ในขณะที่ตัวการใหญ่ของขบวนการบัญชีม้า ยังคงลอยนวลอยู่ได้อีกนานแค่ไหน ?

    อ่านข่าวอื่น :

    "เพื่อไทย" ล็อกเป้าซัก "รัฐบาลอนุทิน" บริหารราชการ-คุณสมบัติ รมต.

    6 วัยรุ่นป่วนเวที รุมทำร้ายหมอลำ "ดอกเหมย" งานแข่งเรือกาฬสินธุ์