หมู่ 7 ต.ศาลเจ้าไก่ต่อ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ 60150 056-271501 086-6754595 Maresa.su@gmail.com
ครู ศกร.ระดับตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ

154630282 280508370089740 6343618238427494705 n

นางสาวสุภาพร  สุผามาลา

ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล

 เบอร์โทร 086-6754595

 

 

แพลตฟอร์ม กศน.นครสวรรค์

จำนวนผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์
017408
วันนี้
เมื่อวานนี้
สัปดาห์นี้
สัปดาห์ที่แล้ว
เดือนนี้
เดือนที่แล้ว
ผู้เข้าชมทั้งหมด
4
8
23
17205
377
332
17408

Your IP: 192.168.1.1
2025-09-23 05:00

อาชีพระยะสั้น การถักฝาชีจากเชือกมัดฟาง

201938365 1022870345186431 5393194380820910693 n

วันที่ 15- 23 มิถุนายน 2564 กศน.อำเภอลาดยาว นำโดย นางนภสร ก๊กพิทักษ์ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอลาดยาว มอบหมายให้ นางสาวสุภาพร. สุผามาลา ครู กศน.ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ

จัดการเรียนการสอนกลุ่มอาชีพหลักสูตรวิชาฝาชีจากดชือกมัดฟาง จำนวน 40 ชั่วโมง ระหว่างเวลา 9.00 น. - 15.00 น. ณ อาคารเอนกประสงค์ หมู่ที่ 3 ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์

สุภาพร สุผามาลา

ข่าวประชาสัมพันธ์ สำนักงาน กศน.นครสวรรค์

ข่าวประชาสัมพันธ์ทั่วไป

การศึกษา, เรียน สกร., รับสมัครนักศึกษา, สกร.นครสวรรค์, สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดนครสวรรค์
ข่าวประชาสัมพันธ์ ไทยพีบีเอส

ข่าวไทยพีบีเอส - home

23 กันยายน 2568

ข่าวที่คุณวางใจ โดยสำนักข่าวไทยพีบีเอส ติดตามข่าวและสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศได้ที่นี่่
  • "ธุรกิจไทย" ขึ้นบัญชี ร้าง 9,343 ราย พณ.เตรียมขีดชื่อออก ป้องมิจฉาชีพหาผลประโยชน์
    23 กันยายน 2568

    วันนี้ ( 23 ก.ย.2568) นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ออกประกาศสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร 2 ฉบับ ลงวันที่ 31 ก.ค.2568 และ 1 ก.ย. 2568) เรื่องจะขีดชื่อห้างหุ้นส่วนบริษัทออกจากทะเบียนจำนวน 9,343 ราย โดยเป็นนิติบุคคลที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร 2 กรณี คือ ไม่ส่งงบการเงินติดต่อกันนาน 3 ปี นับจากปีปัจจุบันย้อนหลังลงไป

    นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

    ซึ่งเป็นเหตุให้เชื่อว่าไม่ได้ทำการค้าขายหรือประกอบการงานแล้ว มีจำนวน 7,032 ราย และจดทะเบียนเลิก ห้างหุ้นส่วนบริษัทแล้วแต่ไม่มีตัวผู้ชำระบัญชีทำการอยู่ หรือไม่ได้จัดทำรายงานการชำระบัญชี หรือไม่ยื่นจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีต่อนายทะเบียนภายในระยะเวลา 3 ปี นับแต่เลิกห้างหุ้นส่วนบริษัท มีอยู่จำนวน 2,311 ราย สำหรับนิติบุคคลที่ตั้งอยู่ในต่างจังหวัด กรมฯ ได้ประสานสำนักงานพาณิชย์จังหวัดให้เร่งตรวจสอบ ก่อนดำเนินการแบบเดียวกัน

    ขณะนี้กรมฯ ได้ประกาศรายชื่อนิติบุคคลที่จะทำการขีดชื่อผ่านทางเว็บไซต์ www.dbd.go.th หัวข้อ คู่มือทำธุรกิจ เลือกบริการข้อมูล เลือกจดทะเบียนธุรกิจ และเลือกประกาศถอนทะเบียนร้างและคืนสู่ทะเบียน ทั้งนี้ นิติบุคคล ที่มีรายชื่อตามประกาศสามารถยื่นคำร้องชี้แจงต่อนายทะเบียนได้ภายใน 90 วันนับแต่วันที่ออกประกาศ หากพ้นระยะเวลาที่กำหนด จะถูกขีดชื่อออกจากทะเบียนและสิ้นสภาพนิติบุคคลทันที เว้นแต่จะแสดงเหตุให้เห็นเป็นอย่างอื่น เมื่อนิติบุคคลถูกเปลี่ยนเป็นสถานะร้างแล้ว จะไม่สามารถทำนิติกรรมใดๆ ได้อีกต่อไป

    แต่ความรับผิดของหุ้นส่วนผู้จัดการ ผู้เป็นหุ้นส่วน กรรมการ ผู้จัดการ และผู้ถือหุ้นยังคงมีอยู่และพึงเรียกบังคับได้ อย่างไรก็ตาม นิติบุคคลอาจคืนสู่ทะเบียนได้โดยการร้องขอต่อศาลภายใน 10 ปี นับแต่วันที่นายทะเบียนขีดชื่อออกจากทะเบียน ดังนั้น กรมฯ ขอกำชับให้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมายเพื่อร่วมสร้างธุรกิจไทยให้มีความน่าเชื่อถือและมีข้อมูลทางการเงินที่ถูกต้องครบถ้วนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ

    “ขอเตือนนิติบุคคลให้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อลดภาระในการดำเนินธุรกิจทั้งการเสียเวลา ค่าใช้จ่าย และค่าปรับต่างๆ เพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีด้านความโปร่งใสในการทำธุรกิจของประเทศไทย รวมไปถึงการปรับปรุงฐานข้อมูลนิติบุคคลที่ไม่มีสถานะในการทำธุรกิจแล้วให้เป็นปัจจุบันทุกปี จะช่วยตัดวงจรของการนำข้อมูลนิติบุคคลที่ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวทางธุรกิจ หรือนำชื่อไปแอบอ้างหลอกลวงประชาชนของกลุ่มมิจฉาชีพ”

    คลิกลิงก์ ตรวจสอบรายชื่อนิติบุคคลจดทะเบียนเลิกแล้วแต่ไม่มีตัวผู้ชำระบัญชีทำการอยู่ https://www.dbd.go.th/storage/manual/69131b7a-87db-4209-b7f4-241b9818243a.pdf

    คลิกลิงก์ตรวจสอบรายชื่อนิติบุคคลจดทะเบียนเลิกแล้วแต่ไม่มีตัวผู้ชำระบัญชีทำการอยู่ https://www.dbd.go.th/storage/manual/b70043ac-710c-416c-9863-bd1d3a76e1fb.pdf

    อ่านข่าว:

     ผลสำรวจชี้ คนไทยนิยมสินค้าไทย “ความงาม-แฟชั่น” แนวโน้มพุ่งแรง

    พณ.คุมเข้มนำเข้าข้าวโพดสัตว์เลี้ยง หวังแก้ฝุ่นPM2.5 ข้ามพรมแดน

    แบงก์ชาติ เผยปี65 คนไทยเสียเงิน ภัยออนไลน์เกือบแสนล้าน รู้ตัวช้าเกิน18 ชม.

     

     

     

  • "พริษฐ์" ย้ำโมเดล สสร.ประชาชนต้องมีส่วนร่วม
    23 กันยายน 2568

    วันนี้ (23 ก.ย.2568) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน กล่าวถึงโมเดล สสร.ของพรรคภูมิใจไทย และ พรรคเพื่อไทยว่ามี 2 ข้อสังเกต 1.ต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุดตราบใดที่ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งโมเดลของพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยควรเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากกว่านี้ 2.ต้องทำให้ความเสี่ยงที่จะทำให้ฝ่ายใดจะกินรวบผูกขาด สสร.ในกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญให้ต่ำที่สุด ซึ่งอยู่ที่การออกแบบวิธีการที่รัฐสภาคัดเลือกผู้ที่ถูกสรรหา

    โมเดลของพรรคภูมิใจไทยใช้วิธีการคัดเลือกใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ซึ่งหากมีพรรคการเมืองหนึ่งมี สส.จำนวน 200 คน แล้วหากมี สว.แนวคิดคล้ายกัน 160 คน รวมเป็น 360 เกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา 700 คน หมายความว่า กลุ่มดังกล่าวสามารถผูกขาดการเลือกคนทำหน้าที่ สสร.หรือ กรรมการยกร่างได้เลย ซึ่งเป็นความเสี่ยงในการผูกขาด จึงเป็นเหตุให้พรรคประชาชนออกแบบกระบวนการคัดเลือกของรัฐสภาอิงตามสัดส่วนพรรคการเมือง

    นายพริษฐ์ ยืนยันว่า โมเดล สสร.ของพรรคประชาชน ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งตามคำวินิจฉัยของศาลระบุว่า ไม่ให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง โดยในโมเดลของพรรคประชาชน หรือ ของพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีส่วนไหนที่ประชาชนไปเลือกผู้ร่างโดยตรง พร้อมทวงถามคำวินิจฉัยเต็มของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการทำประชามติ เพื่อเกิดความสบายใจมากขึ้น

    พร้อมกันนี้ก็ถามกลับว่า จะมีใครเป็นผู้ไปยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามที่ผู้กังวล หากมีการไปยื่นร้องในกระบวนการพิจารณา 3 วาระ ต้องเป็นมติของรัฐสภา ถ้า 3 พรรคการเมืองยืนยันว่า โมเดลที่ได้นำเสนอไม่ได้ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาล และไม่เป็นเหตุให้ไปร้องต่อศาล ก็ถือว่าไม่มีเหตุที่จะทำให้บุคคลใดไปร้องต่อศาล

    เมื่อถามว่า กังวลบรรยากาศ สสร.สีน้ำเงิน หรือไม่นายพริษฐ์ กล่าวว่า ไม่ต้องการให้เป็นสีใดสีหนึ่ง จึงยืนยันว่า วิธีการที่ดีที่สุดที่จะทำให้ สสร.เป็นสีใดสีหนึ่ง แต่มีหลากหลายสีที่สะท้อนความเห็นที่หลากหลายของประชาชน คือ 1.ต้องทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้มากที่สุด 2.ทำให้กระบวนการคัดเลือกของรัฐสภาไม่ใช้วิธีการใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง หากเป็นเช่นนั้นจะทำให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งครองเสียงข้างมากอาจจะผูกขาด และเสียงข้างน้อยจะไม่มีตัวแทน

    ขณะนี้ 3 พรรคการเมืองยื่นโมเดลของแต่ละภาคเข้ามาเมื่อผ่านวาระแรกก็จะมีข้อถกเถียงในชั้นกรรมาธิการ ที่จะต้องพิจารณาให้เหลือเพียงร่างเดียว ที่จะต้องเกิดบรรยากาศถกเถียงและหาข้อสรุปในชั้นกรรมการ คิดว่า เป็นรายละเอียดที่สามารถพูดคุย ถกเถียงปรับปรุงในชั้นกรรมาธิการ ยิ่งประชาชนส่งเสียงมามาก ว่าอยากเห็นโมเดล สสร.เป็นแบบใดหรือกังวลว่าจะเป็นแบบไหน ในฐานะ สส.สามารถเข้าไปผลักดันให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชนได้มากที่สุด

    และชี้ว่า สสร.สีน้ำเงิน และ รัฐธรรมนูญ คสช.ปี 2560 เป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาทั้งคู่ เชื่อว่า สังคมไทยมีโมเดลการจัดทำรัฐธรรมนูญดีกว่าตัวอย่างดังกล่าว

    นายพริษฐ์ ยังย้ำว่า การทำให้ตัวแทน สสร.ที่มาจากความหลากหลายกลุ่มต่าง ๆ เป็นภารกิจสำคัญ เป็นเป้าหมายที่ถูกพรรคการเมืองควรยึดถือ และเน้นย้ำว่า ถ้ามีความกังวลใจว่า กรรมาธิการยกร่างมีตัวแทนจากเสียงข้างมากอย่างเดียว กันกำหนดกติกาในรัฐธรรมนูญหมวด 15 / 1 ว่าให้แบ่งตามสัดส่วนพรรคการเมืองเชื่อว่าจะปลอดภัยที่สุด

    อ่านข่าว : ปชน.หนุน สสร.เลือกตั้ง หลังศาล รธน.วินิจฉัยทำประชามติ 3 รอบ

    เดินหน้าแก้ ม.256 หลัง ศร.ห้ามประชาชนเลือก สสร.  

    โซเชียลสะท้อนการเมืองไทย คาดหวังยุบสภา-แก้รัฐธรรมนูญ 

     

     

     

  • "พล.ท.บุญสิน" ยันไม่เล่นการเมือง มองไม่ยั่งยืน หลังถูกทาบนั่งตำแหน่งสูง
    23 กันยายน 2568

    วันนี้ (23 ก.ย.2568) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ตรวจเยี่ยมศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ภายในกองบัญชาการกองทัพบก พร้อมร่วมร้องเพลงชาติกับเด็ก

    พล.ท.บุญสิน กล่าวย้ำระหว่างการรับมอบรูปวาดเหมือน ว่าแม้จะเกษียณอายุราชการในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ยืนยันว่าจะยังคงช่วยงานของกองทัพอย่างแน่นอน แม้ไม่ได้แต่งเครื่องแบบทหารแล้ว ยังสามารถเป็นที่ปรึกษาให้กับเพื่อน ๆ ได้

    พร้อมยืนยันว่าจะไม่ทำงานด้านการเมือง และที่ผ่านมา ตนได้เข้าไปพูดคุยกับนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อเราบอกว่าไม่ได้เล่นการเมือง เขาก็เปิดใจพูดคุยกับเรา ยืนยันตนจะรักษาสถานภาพนี้ไปเรื่อยๆ ไม่เอาเรื่องการเมืองเข้ามายุ่ง รับว่ามีคนติดต่อเข้ามา จะให้ตำแหน่งระดับสูงทางการเมือง แต่ก็ไม่เอามองว่าไม่ยั่งยืน

    นอกจากนี้ พล.ท.บุญสิน ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการประชุม คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา (RBC) ว่า ยังไม่ได้กำหนดวัน ส่วนการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ตามข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ที่ให้หารือกันภายใน 3 สัปดาห์ นั้น ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งยอมรับว่าเป็นสิ่งที่เขาพูดกันเอาไว้ แต่ก็ต้องรอดูสถานการณ์ และความจริงใจของทางกัมพูชา

    พล.ท.บุญสิน ย้ำว่าสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นฝั่งของกองทัพภาคที่ 1 บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และพื้นที่กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กปจ.ชต.) ส่งผลต่อพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 เพราะเป็นเส้นเขตแดนประเทศเดียวกัน พื้นที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องเป็นนโยบายเดียวกัน และมีข้อระมัดระวังร่วมกัน และยอมรับว่าการทำงานต่อจากนี้ของกองทัพในการปกป้องอธิปไตยชายแดนไทย-กัมพูชา จะราบรื่นขึ้น เพราะได้รับความร่วมมือของทุกภาคส่วน ซึ่ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ท่านก็สนับสนุนอยู่แล้ว พร้อมทั้งย้ำว่าทหารทำตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อปกป้องอธิปไตยและความมั่นคง และผลประโยชน์ของประเทศชาติ

    พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2

    พร้อมทั้งย้ำว่าไม่ห่วงสถานการณ์ในพื้นที่ แม้ใกล้เกษียณอายุราชการอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพราะเราทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว ส่วนที่เหลืออาจมีบ้างเล็กน้อย หรือพื้นที่ไหนที่ยังไม่เรียบร้อย และเป็นหน้าที่ของแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ที่จะต้องดำเนินการต่อ

    เมื่อถามว่าประชาชนมีความเป็นห่วงว่าอาจจะมีเหตุปะทะรอบที่สอง พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า เป็นเรื่องของสถานการณ์ ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อปกป้องอธิปไตย และย้ำว่าถ้ามันจะเกิด ถ้าไม่เกิดก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตามห้วงเวลา

    ส่วนกรณีที่กัมพูชาไม่ให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ของกองทัพครั้งที่สอง พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ไม่มีความร่วมมือ เพราะเขาวางเอง แล้วจะมาเก็บทำไม ความเป็นภัยคุกคามของทหาร ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งจะประสานกับคณะอนุกรรมการออตตาวา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบ แต่ก็ยอมรับว่าขัดกันอยู่ แต่มองว่ายาก

    จากนั้น พล.ท.บุญสิน รับมอบสิ่งของ จากหน่วยงานรัฐและภาคเอกชน เพื่อนำไปช่วยเหลือทหารที่ปฏิบัติ ภารกิจสนามที่ชายแดนไทย-กัมพูชา

    อ่านข่าว :

    กฤษฎีกา เผย นายกฯ บินร่วมเวที UNGA แจงปมชายแดนไทย-กัมพูชาได้

    กองทัพไทยยืนยัน “บ้านหนองหญ้าแก้ว” อยู่ในเขตอธิปไตยไทย

    "ทรงฤทธิ์" ชี้กัมพูชาเรียกคะแนนสงสาร แนะไทยใช้เวทีทางการบีบดิ้นไม่หลุด

  • ราคา“ทองคำ” บวก 550 บาท “ทองแท่ง” ทะลุบาทละ 56,450
    23 กันยายน 2568

    วันนี้ ( 23 ก.ย.2568) เว็บไซต์ “ฮั่วเซ่งเฮง” ทองโลกมีการปรับตัวขึ้น จากการที่ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้เริ่มมีการพักฐานลงหลังจากปรับตัวขึ้นมาได้ 3 วันติดต่อกัน สืบเนื่องมาจากนายสตีเฟน มิแรน ผู้ว่าการเฟดคนใหม่ ได้แสดงความเห็นในวันจันทร์ว่า นโยบายการเงินของเฟด ตอนนี้ถือเป็นระดับที่เข้มงวด ทำให้เฟดควรลดดอกเบี้ยเพื่อลดความเสี่ยงแนวโน้มเศรษฐกิจ

    ขณะที่นักวิเคราะห์อาวุโสของ Kitco Metals ได้กล่าวว่า ราคาทองคำยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และส่งสัญญาณว่าจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้ อย่างไรก็ตาม บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อายุ 10 ปียังคงมีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง สู่ระดับ 4.14% จากเมื่อวันพุธที่ผ่านมาที่ 4.06% จากการที่ตลาดยังคงมีมุมมองว่า เฟดอาจไม่ได้ส่งสัญญาณผ่อนคลายดอกเบี้ยแบบ 100% และยังคงจับตาตัวเลขเศรษฐกิจแบบการประชุมต่อการประชุม ในขณะที่ตลาดยังจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในคืนนี้ ทางด้านกองทุน SPDR ซื้อทองคำ 6.01 ตัน รวมสุทธิ 1,000.57 ตัน

    ราคาทองโลกอยู่ในระยะขาขึ้น แต่ระยะสั้นยังไม่แนะนำซื้อ จึงแนะนำใช้กลยุทธ์ย่อเก็บสะสมจากแนวรับที่ระดับ 3,730 ดอลลาร์ และขายทำกำไรหากราคาขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 3,760 ดอลลาร์ แต่หากราคาหลุดแนวรับที่ 3,700 ดอลลาร์ แนะนำขายตัดขาดทุนไปก่อน

    ส่วนราคาทองในประเทศรับตัวขึ้นตามทองโลก ในขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าเป็นวันที่ 2 จึงแนะนำเข้าซื้อสะสมแนวรับที่ระดับ 56,100 บาท และขายทำกำไรหากราคาทดสอบแนวต้านที่ 56,500 บาท แต่หากราคาหลุดแนวรับที่ 55,700 บาท แนะนำขายตัดขาดทุน

    ราคาทองคำ เปิดตลาด เช้านี้บวก 550บาท (ครั้งที่ 3 ลบ 50 บาท) ส่งผลให้ราคาทองคำแท่งขายออกบาทละ 56,400 บาท และราคาทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 56,300 บาท ราคาทองรูปพรรณขายออกบาทละ 57,200บาท และราคาทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 55,167.24 บาท ราคาทองคำตลาดโลก (Gold Spot) อยู่ที่ 3,741 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ อัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับ 31.84 บาทต่อดอลลาร์

    ราคาทองรูปพรรณรวมค่ากำเหน็จ 800 บาท มีราคาดังนี้ ทองครึ่งสลึง ราคาขาย 7,850บาท ทอง 1 สลึง ราคาขาย 14,900 บาท ทอง 2 สลึง/50 สตางค์ ราคาขาย 29,000 บาท และทอง 1 บาท ราคาขาย 57,200 บาท ทองคำหนัก 2 บาท ขายออก 114,400 บาท ทองคำหนัก 5 บาท ขาย 286,000 บาท

    ภาพรวมราคาทองปี 2568 บวก 14,000 บาท เดือนม.ค. ทองคำบวก 2,050 เดือนก.พ. บวก 1,850 เดือน มี.ค. บวก 3,750 บาท, เดือนเม.ย. บวก 1,950 บาท เดือน พ.ค. ลบ 750 บาท เดือน มิ.ย. ลบ 550 บาท เดือนก.ค. บวก 550 บาท เดือน ส.ค. บวก 1,450 บาท เดือน ก.ย. บวก 3,800

    อ่านข่าว:

     สรุปราคาทองคำ 22 ก.ย.2568 ปิดตลาดวันนี้ บวก 550 บาท ผันผวน 10 ครั้ง

    สรุปราคาทองคำ 19 ก.ย. 2568 ปิดตลาด ลบ 100 บาท ผันผวน 7 ครั้ง

    สรุปราคาทองคำ 18 ก.ย.2568 ปิดตลาดวันนี้ บวก 50 บาท ผันผวน 8 ครั้ง