นางสาวสุภาพร สุผามาลา
ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล
เบอร์โทร 086-6754595
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 กำหนดวงเงินรวมกว่า 3.78 ล้านล้านบาท มีผลบังคับใช้ 1 ต.ค.2568 เป็นต้นไป
วันนี้ (18 ก.ย.2568) เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดยมีวงเงินรวมทั้งสิ้น 3,780,600,000,000 บาท
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา
กฎหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2568 เป็นต้นไป โดยให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ให้กระทรวงการคลังมีอำนาจสั่งจ่ายเงินแผ่นดิน ตามรายการและจำนวนเงินที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือตามที่สำนักงบประมาณจะได้จัดสรร หรือตามที่จะได้มีการโอนเปลี่ยนแปลงตามกฎหมาย
อ่านข่าว :
สภาฯ มติ 257 : 230 เห็นชอบงบประมาณ 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท
"ณัฐพงษ์" ปัดนั่งร้าน ภท. พร้อมใช้กลไกสภาฯ ตรวจสอบหากผิด MOA
วันนี้ (18 ก.ย.2568) สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ยังมีมวลชนชาวกัมพูชาจำนวนมากเข้ามาประชิดชายแดน ห่างจากจุดที่เกิดการปะทะกันกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา ประมาณ 50 เมตร
เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยต้องเสริมกำลัง หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินจะเน้นการปฏิบัติตามหลักสากล ทั้งนี้มีข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคงว่าวันนี้มีชาวกัมพูชารวมตัวกว่า 500 คน
เวลา 11.00 น. ชาวกัมพูชารวมตัวเตรียมเคลื่อนย้ายลวดหนาม หากเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยยังดำเนินการวางลวดหนามต่อในพื้นที่
เวลา 12.30 น. ฝ่ายกัมพูชายังคงเกณฑ์ชาวบ้านและสื่อมวลชนเข้ามาในพื้นที่ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจยอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ไม่มีการห้ามปรามจากทหารฝ่ายกัมพูชา อีกทั้งมีการจัดเตรียมสถานที่พยาบาลรองรับสถานการณ์
เจ้าหน้าที่ไทยทั้งตำรวจควบคุมฝูงชน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและทหาร ตรึงกำลังพร้อมรับสถานการณ์ โดยตำรวจภูธรภาค 2 เตรียมพร้อมและเสริมกำลังพลเข้ามาประจำการชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จำนวน 2 กองร้อย พร้อมอุปกรณ์โล่ป้องกันตัว แนวทางปฏิบัติภารกิจยึดตามยุทธวิธีจากเบาไปหาหนัก และถอดบทเรียนจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 17 ก.ย.
เวลา 13.20 น. ฝ่ายกัมพูชาเกณฑ์ชาวบ้านเข้ามาในพื้นที่และพักคอยเตรียมการประมาณ 300 คน
เวลา 13.50 น. ชาวกัมพูชาบางส่วนเริ่มทยอยเข้ามายังแนวรั้วลวดหนาม ประมาณ 120 คน
เวลา 15.10 น. ฝ่ายกัมพูชายังมีการเกณฑ์ชาวบ้านเข้ามาในพื้นที่ มีการแจกจ่ายอาหาร น้ำดื่ม อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น ท่อนไม้และไม้ตะขอ รวมถึงซักซ้อมการทำลายลวดหนามของฝ่ายไทย โดยชาวบ้านกัมพูชาเข้ามาในพื้นที่ประมาณ 500 คน
เวลา 15.37 น. มวลชนชาวกัมพูชาเริ่มด่อทอ ยั่วยุทหารไทย
เวลา 16.50 น. ชาวกัมพูชายังปักหลักชุมนุมบริเวณแนวลวดหนามประมาณ 30 คน ตะโกนยั่วยุทหารไทย
เวลา 18.00 น. ชาวกัมพูชาปักหลักชุมนุมบริเวณแนวลวดหนาม มีการเคลื่อนย้ายเสบียงอาหาร-น้ำเข้าไปยังแนวหลังป่ายูคาที่ปะทะเมื่อวันที่ 17 ก.ย.
ทีมข่าวพบว่า ชาวกัมพูชาที่มารวมตัวกันวันนี้ (18 ก.ย.) มีเด็ก สตรี เข้ามาในพื้นที่มากขึ้น ซึ่งฝ่ายความมั่นคงเชื่อว่ากัมพูชาต้องการสร้างสถานการณ์เพื่อให้ได้เปรียบในเวทีโลก ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังไม่ดำเนินการใดๆ จนกว่าชาวกัมพูชาที่รุกล้ำอธิปไตยจะก่อความวุ่นวายในพื้นที่
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของฝ่ายความมั่นคง มีการประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนานกว่า 4 ชั่วโมง โดยมีการประชุมทั้งวงใหญ่และวงเล็ก หลังประชุมนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ไม่ได้ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน ให้เหตุผลด้านความมั่นคง
ด้าน พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า หลังจากนี้จะบังคับใช้กฎหมายกับชาวกัมพูชาที่รุกล้ำอธิปไตยของไทยอย่างเข้มงวด ไม่ว่าบุคคลเหล่านั้นจะเป็นพระหรือใครก็ตาม หากรุกล้ำเข้ามาในอธิปไตยของไทยจะดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนกฎหมาย
อ่านข่าว
ทภ.1 สรุปเหตุ "บ้านหนองหญ้าแก้ว" คุมกัมพูชาประท้วงจากเบาไปหาหนัก
ทบ.ย้ำ "บ้านหนองหญ้าแก้ว" พื้นที่ไทย - ยึดหลักสากลระงับเหตุกัมพูชาประท้วง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ณ เวลานี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี สั่งการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ยังไม่สามารถทำได้ 100% แต่การพูดคุยกับความหน่วยงานด้านความมั่นคง หรือการหารือนอกรอบ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่นิ่ง แต่ยังถือเป็นรอยต่อและเป็นช่องว่างในเมื่อรัฐบาลเองอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายซึ่งอำนาจเต็มจะเกิดขึ้นภายหลังการประชุม ครม.นัดพิเศษ และแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย เริ่มมีการถอยห่าง เริ่มถอยฉากทางการเมือง ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี โดยกลับเข้าไปทำงานในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย
แต่ถ้าเป็นรัฐบาลรักษาการรัฐมนตรีกลาโหมยังสามารถติดต่อกับฝ่ายความมั่นคงได้ตลอด แต่ในการขับเคลื่อน ถ้ามีการเปลี่ยนทิศทางไปทางใดทางหนึ่ง หรือมีเหตุฉุกเฉินทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.สามารถเรียกหน่วยงานด้านความมั่นคงหารือในการเตรียมแผนตามมาตรการต่างๆ รวมถึงมาตรการเปิด-ปิดด่านที่มีการพูดคุยกันอยู่ เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างในการปฏิบัติงาน
ซึ่งอำนาจสูงสุดอยู่ที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่ทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการทางทหาร แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ต้องมอบอำนาจให้ผู้บัญชาการทหารบกเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ และเมื่อประเมินเหตุการณ์แล้วต้องมอบอำนาจให้กับทางแม่ทัพซึ่งเป็นผู้บัญชาการสั่งการในพื้นที่ เพื่อสั่งการไปยังกองกำลังที่รับผิดชอบดูแลพื้นที่
ทั้งนี้ถ้าประเมินจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีเหตุการณ์ฉุกเฉินอำนาจเต็มผู้บังคับหน่วยในพื้นที่สามารถปฏิบัติการได้เลย
อย่างกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 17 ก.ย.2568 ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าทางกองกำลังได้มีแผนรองรับได้แล้ว และยังมองว่าเป็นเหตุการณ์ที่ทางกัมพูชาได้เตรียมการไว้แล้ว ซึ่งเป็นการตั้งข้อสังเกตว่าหลังเหตุการณ์เกิด ในวันรุ่งขึ้นมีการฟ้องในเวทีนานาชาติ
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ฝ่ายไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบหรือไม่ต้องดูจากปฏิกิริยาในพื้นที่ แต่สำหรับหน่วยงานด้วยความมั่นคงได้มีมาตรการรองรับมาเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามหลักสากล
กัมพูชามีกลไกในการฟ้องเวทีนานาชาติ ตามกระบวนการแล้วฝ่ายไทยสามารถทำได้ เช่นนำหลักฐานไปแจ้งต่อคณะผู้สังเกตการณ์ หรือกระทรวงการต่างประเทศมีการดำเนินการในแนวทางนี้ด้วย
ซึ่งเห็นว่าเป็นสถานการณ์ที่น่าตึงเครียดในภาวะที่ยังไม่รัฐบาลเต็ม 100% แต่ยังมีมาตรการของฝ่ายความมั่นคงที่รองรับสถานการณ์
อ่านข่าว :
ผบ.ตร.ห่วงใยตำรวจเจ็บ 4 นาย เหตุมวลชนกัมพูชารื้อรั้วบ้านหนองหญ้าแก้ว
เขมรส่งหนังสือยูเอ็น-อาเซียน กรณีชุลมุนชายแดนสระแก้ว
เสธ.ทภ.1 ซัดกัมพูชาเลิกเล่นละคร ใช้เด็ก-ผู้หญิง ยั่วยุบ้านหนองหญ้าแก้ว
วันนี้ (18 ก.ย.2568) พระคึกฤทธิ์ เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี ชี้แจงรายละเอียดเหตุของการฟ้องร้องกับคู่กรณี ซึ่งเป็นสีกาที่อยู่ประเทศเยอรมนี เป็นการชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กบัญชี "พุทธวจน ธรรมวินัยจากพุทธโอษฐ์" กลุ่มสาธารณะ โดยเนื้อหาเชื่อว่า กรณีที่เกิดขึ้นมาจากคู่กรณีต้องการให้พระมีข้อบกพร่อง หลุดจากองค์กรที่เข้าไปตั้งที่ประเทศเยอรมนี อย่างไรก็ตามการชี้แจงนี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่พระคึกฤทธิ์ออกมาชี้แจง
ก่อนหน้านี้ วัดให้ทีมทนายความออกมาชี้แจงแทน ประเด็นการไปดำเนินการจัดตั้งมูลนิธิพุทธวจนเยอรมนี เพื่อเป็นองค์กรการกุศลในประเทศเยอรมนี จนมีการมอบอำนาจและส่งเงินให้สีกาคู่กรณีดำเนินการกว่า 12 ล้านบาท
จากนั้นมีข้อพิพาทเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของพระคึกฤทธิ์ จึงได้เพิกถอนการมอบอำนาจและฟ้องร้องกันต่อศาลภูมิภาคเดกเกนดอร์ฟ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ขณะที่การตั้งมูลนิธิฯ เสร็จสิ้นแล้วและเงิน 12 ล้านบาทยังอยู่ครบ จึงไม่ถือว่าเป็นการยักยอกเงินวัดและฟอกเงินตามข้อกล่าวหา
ด้านคดีความ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ชี้แจงว่า มีข้อร้องเรียนมาที่ตำรวจ 2 เรื่อง กรณีแรก เรื่องสีกา ที่อยู่ประเทศเยอรมนี ร้องให้ตรวจสอบคู่กรณี 9 คน โดยเป็นพระ 3 รูปและฆราวาส 6 คน ใช้เงินวัดผิดวัตถุประสงค์หรือไม่
กรณีที่เป็นการร้องเรียนพระ ตำรวจส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ร่วมพิจารณาชี้มูลความผิด เนื่องจากพระถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนกรณีที่สองคือ ทนายความมาร้องเรียนให้ตรวจสอบเส้นเงินของวัดว่าใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า กรณีพบเส้นเงินในต่างประเทศและมีคดีความในต่างประเทศ เตรียมเชิญพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด มาร่วมทำคดี เพราะเข้าข่ายคดีนอกราชอาณาจักร
ส่วนในวันที่ 19 ก.ย.นี้ นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานกองทัพธรรม ติดต่อตำรวจจะนำหลักฐานทางคดีของวัดนาป่าพงมามอบให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติม
อ่านข่าว
ตร.พบยอดบริจาค "วัดนาป่าพง" 5 ปีเงินหมุนเวียน 500 ล้าน