กศน.ตำบลเนินมะกอก หมู่ 12 บ้านสายหกพัฒนา ต.เนินมะกอก อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ 60130 056-431504 094-0014936 08.30 น. - 16.30 น.
ครู กศน.ตำบลเนินมะกอก

128557677 216746703237345 8173356735280948121 n

นางสาวรัตติกาล  ต้านทาน

ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบลเนินมะกอก

 เบอร์โทร 094-0014936

173015811 295761035263297 1389067186681539045 n 

นางสาวกานต์พิชชา  ทัพน้อย

ตำแหน่ง ครูอาสา

 เบอร์โทร 

 

แพลตฟอร์ม กศน.นครสวรรค์

จำนวนผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์
103955
วันนี้
เมื่อวานนี้
สัปดาห์นี้
สัปดาห์ที่แล้ว
เดือนนี้
เดือนที่แล้ว
ผู้เข้าชมทั้งหมด
42
183
269
102902
2875
3563
103955

Your IP: 192.168.1.1
2025-02-25 04:46
เพื่อนๆ เชื่อไหมครับว่า “เบาหวาน” อาจอันตรายกว่าที่คิด เมื่อเกิดอาการแทรกซ้อน! .  คนไทยมีแนวโน้มเป็นโรคเบาหวานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีสาเหตุจากพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ลองสังเกตดูก็ได้ครับ เดี๋ยวนี้คนกินน้ำตาลกันเยอะขึ้น แต่เวลาออกกำลังกายกลับมีน้อยลง ทำให้โอกาสเป็นเบาหวานมีเพิ่มขึ้นเยอะมากๆ และถ้าเกิดโรคแทรกซ้อนอย่าง “เบาหวานขึ้นตา” หรือ “เบาหวานลงขา” แบบนี้ก็น่าเป็นห่วงแล้วครับ .  เพื่อนๆ อาจจะคุ้นชินกับเบาหวานที่แสดงอาการไม่ชัดเจนมากเท่าไร เช่น ทำให้ฉี่บ่อย ผิวแห้ง ตาพร่า มือเท้าชา หรือใจสั่นและหน้ามืดเมื่อระดับน้ำตาลไม่คงที่ ซึ่งเราทำให้อาการเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นได้ด้วยการควบคุมอาหารครับ ถ้าเลือกกินอาหารที่เหมาะสม คนที่เป็นโรคเบาหวานก็สามารถใช้ชีวิตแบบปกติได้ ในทางกลับกัน เบาหวานขึ้นตาเกิดจากการอุดตันของน้ำตาล ทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่เต็มที่ ตอนแรกๆ เราอาจจะมองเห็นผิดปกตินิดหน่อย แต่ถ้าชะล่าใจปล่อยทิ้งไว้ ก็อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นได้เลย .  อาการช่วงแรกๆ ของเบาหวานขึ้นตาโดยส่วนใหญ่ก็คือ จะมองเห็นจุด เห็นภาพเบี้ยว แยกสีไม่ค่อยได้ มองไม่ชัด อาจมองเห็นเป็นเส้นดำๆ หรือมืดเป็นแถบๆ และเมื่อเวลาผ่านไปก็อาจจะ “ตาบอด” ในท้ายที่สุดครับ .  มาต่อกันที่เบาหวานลงขา เพื่อนๆ อาจจะไม่รู้ แต่มีคนไทยเป็นจำนวนหลักหมื่นเลยนะครับที่ต้องถูก “ตัดขา” เพราะเบาหวาน โดยเบาหวานลงขาก็มีสาเหตุคล้ายๆ กับเบาหวานขึ้นตานั่นแหละครับ คือน้ำตาลไปอุดตันเส้นเลือดทำให้เลือดไหลเวียนไม่ได้ ทีนี้อาการปวดน่อง ปวดขา หรือว่าปวดเท้าก็จะตามมา เราอาจจะเข้าใจผิดว่าอาการเหล่านี้เกิดจากโรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อหรือว่ากระดูก ทำให้ไม่ได้โฟกัสที่เบาหวาน พอเวลาผ่านไปมันก็เป็นหนักขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นต้องตัดขาทิ้งนั่นเองครับ .  วิธีการป้องกันทั้งสองอาการนี้ได้ดีที่สุด ก็คือดูแลตัวเองไม่ให้เป็นเบาหวาน พูดเหมือนง่าย แต่ทำยาก ผมเข้าใจครับ งั้นเราลองมาเริ่มกันแบบเบสิกเลย ก็คือไม่กินอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป เลี่ยงได้ก็เลี่ยงครับ พวกน้ำอัดลมหรือขนมหวานต่างๆ ก่อนซื้ออะไรมากินก็อ่านฉลากโภชนาการสักหน่อยว่ามีน้ำตาลเยอะเกินไปไหม ออกกำลังกายบ้างเมื่อมีเวลา รวมทั้งเลี่ยงบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยครับ เพราะทั้งสองอย่างนี้ก็เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดเบาหวานและการอุดตันของเส้นเลือดได้เหมือนกัน และอย่าลืมตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อดูระดับ ไขมัน ความดัน หรือน้ำตาลในเลือดบ้าง .  ส่วนเพื่อนๆ ที่เป็นเบาหวานแล้วก็ยังลดโอกาสเสี่ยงของเบาหวานขึ้นตาและลงขาได้อยู่ครับ นั่นก็คือการเลือกกินอาหารนั่นเอง จริงๆ แล้วคนเป็นเบาหวานก็กินได้ปกติเหมือนคนทั่วไปเลย แค่อาจจะต้องกินผักให้มากขึ้น ข้าวหรือก๋วยเตี๋ยวก็กินได้ แต่ไม่ต้องกินเยอะขนาดนั้น กินผลไม้บ้าง ถ้าเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงก็อาจจะลดปริมาณลงมา เลี่ยงอาหารไขมันสูง รวมถึงกะทิ อาหารน้ำตาลและโซเดียมสูง แล้วก็อย่าลืมดื่มนมพร่องมันเนยและเนื้อปลาด้วยนะครับ และถ้ามีสัญญาณเตือนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นแค่เล็กน้อย แต่ก็ควรปรึกษาคุณหมอ อย่าปล่อยทิ้งไว้เลยครับ .  ถึงเบาหวานจะน่ากลัว แต่เพื่อนๆ ป้องกันได้ เพียงแค่เริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ อย่ารอให้ถึงวันที่สายเกินไปเลยนะครับ ป้องกันดีกว่ารักษา ด้วยความหวังดีจากลืมป่วยครับผม #ลืมป่วย  อ้างอิง: 1. https://mayocl.in/3w4jsyU 2. https://bit.ly/3wc0U02

 เพื่อนๆ เชื่อไหมครับว่า “เบาหวาน”
อาจอันตรายกว่าที่คิด
เมื่อเกิดอาการแทรกซ้อน!
.

คนไทยมีแนวโน้มเป็นโรคเบาหวานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีสาเหตุจากพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ลองสังเกตดูก็ได้ครับ เดี๋ยวนี้คนกินน้ำตาลกันเยอะขึ้น แต่เวลาออกกำลังกายกลับมีน้อยลง ทำให้โอกาสเป็นเบาหวานมีเพิ่มขึ้นเยอะมากๆ และถ้าเกิดโรคแทรกซ้อนอย่าง “เบาหวานขึ้นตา” หรือ “เบาหวานลงขา” แบบนี้ก็น่าเป็นห่วงแล้วครับ
.

เพื่อนๆ อาจจะคุ้นชินกับเบาหวานที่แสดงอาการไม่ชัดเจนมากเท่าไร เช่น ทำให้ฉี่บ่อย ผิวแห้ง ตาพร่า มือเท้าชา หรือใจสั่นและหน้ามืดเมื่อระดับน้ำตาลไม่คงที่ ซึ่งเราทำให้อาการเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นได้ด้วยการควบคุมอาหารครับ ถ้าเลือกกินอาหารที่เหมาะสม คนที่เป็นโรคเบาหวานก็สามารถใช้ชีวิตแบบปกติได้ ในทางกลับกัน เบาหวานขึ้นตาเกิดจากการอุดตันของน้ำตาล ทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่เต็มที่ ตอนแรกๆ เราอาจจะมองเห็นผิดปกตินิดหน่อย แต่ถ้าชะล่าใจปล่อยทิ้งไว้ ก็อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นได้เลย
.

อาการช่วงแรกๆ ของเบาหวานขึ้นตาโดยส่วนใหญ่ก็คือ จะมองเห็นจุด เห็นภาพเบี้ยว แยกสีไม่ค่อยได้ มองไม่ชัด อาจมองเห็นเป็นเส้นดำๆ หรือมืดเป็นแถบๆ และเมื่อเวลาผ่านไปก็อาจจะ “ตาบอด” ในท้ายที่สุดครับ
.

มาต่อกันที่เบาหวานลงขา เพื่อนๆ อาจจะไม่รู้ แต่มีคนไทยเป็นจำนวนหลักหมื่นเลยนะครับที่ต้องถูก “ตัดขา” เพราะเบาหวาน โดยเบาหวานลงขาก็มีสาเหตุคล้ายๆ กับเบาหวานขึ้นตานั่นแหละครับ คือน้ำตาลไปอุดตันเส้นเลือดทำให้เลือดไหลเวียนไม่ได้ ทีนี้อาการปวดน่อง ปวดขา หรือว่าปวดเท้าก็จะตามมา เราอาจจะเข้าใจผิดว่าอาการเหล่านี้เกิดจากโรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อหรือว่ากระดูก ทำให้ไม่ได้โฟกัสที่เบาหวาน พอเวลาผ่านไปมันก็เป็นหนักขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นต้องตัดขาทิ้งนั่นเองครับ
.

วิธีการป้องกันทั้งสองอาการนี้ได้ดีที่สุด ก็คือดูแลตัวเองไม่ให้เป็นเบาหวาน พูดเหมือนง่าย แต่ทำยาก ผมเข้าใจครับ งั้นเราลองมาเริ่มกันแบบเบสิกเลย ก็คือไม่กินอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป เลี่ยงได้ก็เลี่ยงครับ พวกน้ำอัดลมหรือขนมหวานต่างๆ ก่อนซื้ออะไรมากินก็อ่านฉลากโภชนาการสักหน่อยว่ามีน้ำตาลเยอะเกินไปไหม ออกกำลังกายบ้างเมื่อมีเวลา รวมทั้งเลี่ยงบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยครับ เพราะทั้งสองอย่างนี้ก็เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดเบาหวานและการอุดตันของเส้นเลือดได้เหมือนกัน และอย่าลืมตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อดูระดับ ไขมัน ความดัน หรือน้ำตาลในเลือดบ้าง
.

ส่วนเพื่อนๆ ที่เป็นเบาหวานแล้วก็ยังลดโอกาสเสี่ยงของเบาหวานขึ้นตาและลงขาได้อยู่ครับ นั่นก็คือการเลือกกินอาหารนั่นเอง จริงๆ แล้วคนเป็นเบาหวานก็กินได้ปกติเหมือนคนทั่วไปเลย แค่อาจจะต้องกินผักให้มากขึ้น ข้าวหรือก๋วยเตี๋ยวก็กินได้ แต่ไม่ต้องกินเยอะขนาดนั้น กินผลไม้บ้าง ถ้าเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงก็อาจจะลดปริมาณลงมา เลี่ยงอาหารไขมันสูง รวมถึงกะทิ อาหารน้ำตาลและโซเดียมสูง แล้วก็อย่าลืมดื่มนมพร่องมันเนยและเนื้อปลาด้วยนะครับ และถ้ามีสัญญาณเตือนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นแค่เล็กน้อย แต่ก็ควรปรึกษาคุณหมอ อย่าปล่อยทิ้งไว้เลยครับ
.

ถึงเบาหวานจะน่ากลัว แต่เพื่อนๆ ป้องกันได้ เพียงแค่เริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ อย่ารอให้ถึงวันที่สายเกินไปเลยนะครับ ป้องกันดีกว่ารักษา ด้วยความหวังดีจากลืมป่วยครับผม
#ลืมป่วย

อ้างอิง:
1. https://mayocl.in/3w4jsyU
2. https://bit.ly/3wc0U02 เบาหวาน

145748402 1298748043840308 8142950498566971985 o

วันนี้เรามีสาระดีดี...มาฝากกันค่ะ

“เลนส์ กับ ชีวิตประจำวัน"

เลนส์แต่ละแบบก็ต้องตอบโจทย์ให้กับคนใส่ไม่จำเป็นต้อง “ แพง เสมอไป “
แต่ตอบโจทย์กับการใช้งาน

บางคนใช้งานตาหนัก บางคนสายตาสั้น
สายตายาว สายตาเอียง บางคนสายตาปกติ

สำหรับการใช้งาน ตัวเลนส์แว่นตาเป็นสิ่งสำคัญมากๆ
เลนส์แต่ละชนิดก็แตกต่างกันออกไป...

# บางคนอยู่หน้าจอคอมและมือถือเป็นเวลานาน
# บางคนขับรถกลางวันและกลางคืน มองป้ายแล้วเบลอๆ
# บางคนใส่สำหรับกรองแสงหน้าจอโดยเฉพาะ
# บางคนเจอแดดทั้งวัน แสงตา
🤔🤔 มาดูกัน...ว่าเลนส์แบบไหนเหมาะกับตาของเรา

 

143814318 1293713804343732 9104173267645060203 o

วันนี้เรามีสาระดีดี...มาฝากกันค่ะ
: อันตรายจากท่านอน..แค่นอนผิดท่าสุขภาพอาจแย่!!

เชื่อว่า..อาจจะเคยได้ยินมาแล้วว่า ท่านอนนั้นส่งผลต่อสุขภาพ ซึ่งท่านอนที่สบายที่สุดก็คือ “ท่าตะแคงขวา” นั่นเองคะ เพราะเป็นท่าที่ทำให้กระดูกสันหลังผ่อนคลาย ช่วยลดการนอนกรนและภาวะกรดไหลย้อนได้นั่นเอง แต่ก็มีบางท่านอนที่ถ้านอนนานๆ แล้วอาจจะไม่ดีต่อร่างกาย แต่จะมีท่าอะไรบ้าง เราลองมาเช็กไปพร้อมๆ กันเลยคะ
.
1. ท่านอนคว่ำ
ท่านอนคว่ำไม่ได้ทำให้หายใจไม่ออกเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลต่อรูปแบบของกระดูกสันหลังด้วย เพราะการนอนคว่ำจะทำให้คอและหลังต้องทำงานหนัก เท่ากับว่ากระดูกสันหลังก็จะต้องทำงานหนักมากขึ้นไปด้วย และถ้ายังนอนคว่ำต่อไปเรื่อยๆ ก็อาจจะส่งผลให้ปวดหลัง เจ็บหลัง หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท
.
นอกจากนี้ การนอนคว่ำยังขัดขวางการไหลเวียนเลือดและทางเดินหายใจอีกด้วย เรียกได้ว่าถ้านอนแป๊บเดียวก็ไม่น่าห่วงหรอกครับ แต่ถ้าถึงขั้นชอบเป็นท่านอนประจำควรจะต้องปรับเปลี่ยนกันหน่อยแล้ว
.
2. ท่านอนขดตัว
หลายๆ คนคงชอบนอนขดตัวใต้ผ้าห่มเพราะว่ารู้สึกสบาย แต่การนอนท่านี้จะทำให้เราหายใจได้ไม่สะดวก รวมทั้งทำให้ปวดคอ ปวดหลัง และอาจทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าจากการกดทับได้ด้วยคะ
.
3. ท่านอนหงาย
ท่านอนหงายนั้นมีข้อดีเยอะมาก เพราะช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อน แล้วก็ไม่ทำให้ปวดหลังหรือปวดคอด้วยคะ แต่ท่านี้ก็ไม่เหมาะสำหรับบางคน โดยเฉพาะคนที่นอนกรน เพราะยิ่งนอนหงายก็จะยิ่งกรนได้ง่ายขึ้นแล้วก็เสียงดังมากขึ้นด้วย คนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ท่านอนหงายก็จะยิ่งทำให้ภาวะนี้แย่ลงกว่าเดิมได้เหมือนกัน
.
จากทั้งหมดนี้ “ท่านอนตะแคง” จึงกลายเป็นท่าที่แนะนำมากที่สุด เพราะทำให้กระดูกสันหลังอยู่ในรูปแบบที่เหมาะสม จึงลดโอกาสของการปวดหลัง ปวดคอ หรือปวดไหล่ รวมทั้งช่วยลดอาการนอนกรน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับและกรดไหลย้อนอีกด้วยคะ
.
ขอขอบคุณข้อมูล : ลืมป่วย

135531896 1284875301894249 4193430097406771085 o
!! แจ้งเตือน เรื่องหมึกสายวงน้ำเงิน
สายหมึกระวัง! รู้จักบลูริง 'หมึกสายวงน้ำเงิน' เตือนถึงตายพิษแรงกว่างูเห่า 20 เท่า
เตือน! ห้ามรับประทาน-ห้ามจับ หมึกสายวงน้ำเงิน (หมึกบลูริง)
เป็นอะไรที่อันตรายมากๆ ค่ะ กับ #หมึกสายวงน้ำเงิน ที่จับพลัดจับผลูถูกกวาดเอามาวางแบขายปะปนรวมอยู่กับกองปลาหมึกที่ขายในตลาดสด ขอบอกว่าเจ้าตัวนี้มีพิษร้ายยิ่งกว่างูเห่าถึง 20 เท่า!! กินแล้วตายไม่ต้องรอ #เห็นปลาหมึกหน้าตาแบบนี้จงหนีให้ไกล

ทั้งนี้ พิษของเจ้าหมึกชนิดนี้เป็นพิษชนิดเดียวกับที่พบในปลาปักเป้า เรียกว่า Tetrodotoxin (TTX) พิษชนิดนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท โดยจะเข้าไปขัดขวางการสั่งงานของสมองที่จะไปยังกล้ามเนื้อที่อยู่ใต้อำนาจจิต คนที่ถูกพิษจะมีอาการคล้ายเป็นอัมพาต หายใจไม่ออกเนื่องจากกล้ามเนื้อกะบังลมและหน้าอกไม่ทำงาน ทำให้ไม่สามารถนำอากาศเข้าสู่ปอดได้ เป็นสาเหตุให้เสียชีวิต

140507137 1291738621207917 7986375030859524324 o

วันนี้เรามีสาระดีดีมาฝากกันค่ะ

: ภาวะต่อมหมวกไตล้า โรคยุคใหม่ของคนทำงาน
🔻▶️ภาวะต่อมหมวกไตล้า◀️🔻
เป็นภาวะที่คนไทยไม่ค่อยรู้จักกันสักเท่าไหร่ เพราะเป็นแค่อาการที่แสดงให้เห็นก่อนจะเกิดโรคเท่านั้น ยังไม่มีโรคหรือสิ่งร้ายแรงอะไร จึงทำให้หลาย ๆ คนไม่ได้ทำความเข้าใจและไม่รู้จัก แต่อาการของภาวะนี้จะส่งผลให้คุณภาพชีวิตลดลง เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ไม่แข็งแรง ไม่มีแรง ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ และทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมาจากภาวะต่อมหมวกไตล้าได้

⚠️สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดต่อมหมวกไตล้า⚠️

1. เครียด คิดมาก มีเรื่องกังวลใจอยู่ตลอดเวลา
2. นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
3. เมื่อรู้สึกเหนื่อยแล้วยังฝืนทำกิจกรรมต่อไป ไม่พักผ่อน
4. อ่านหนังสือสอบมากเกินที่ร่างกายจะรับไหว ทำให้เกิด ความเครียดสะสม
5. ไม่มีเวลาเหลือให้ตัวเองใช้ผ่อนคลาย
6. เครียดจากอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง

หน้าที่ 7 จาก 8