No module Published on Offcanvas position
ครูศูนย์การเรียนรู้ ตำบลท่าน้ำอ้อย

 

 

S 4808725

 

นางสาวศิริวรรณ  จันทนมัฎฐะ

ตำแหน่ง ครูศูนย์การเรียนรู้ 

ตำบลท่าน้ำอ้อย

 เบอร์โทร 096-9969614

แพลตฟอร์ม กศน.นครสวรรค์

จำนวนผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์
149179
วันนี้
เมื่อวานนี้
สัปดาห์นี้
สัปดาห์ที่แล้ว
เดือนนี้
เดือนที่แล้ว
ผู้เข้าชมทั้งหมด
120
161
783
147340
2857
4791
149179

Your IP: 192.168.1.1
2025-11-21 11:56

วันที่ 29 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวัน "พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย"

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า รัชกาลที่ 3

และเป็นวันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ
44989638 2135857066663994 5912038279833714688 n
44933288 2135857089997325 7875987117598310400 n

ลูกเราไม่ได้น่ารักกับทุกคน

เรียนรู้ 10 มารยาทพื้นฐานสำคัญที่ควรปลูกฝังให้ลูกตั้งแต่เล็ก เพื่อการเติบโตเป็นคนดี มีคุณภาพ อยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข 😊💞
545384329 1124428129793419 4586166613094473145 n 

โครงการคนละครึ่ง พลัส มาตรการช่วยลดภาระค่าครองชีพและกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาล

🥰เปิดลงทะเบียน:🥰
20 – 26 ตุลาคม 2568
⏰ เวลา 06.00 – 22.00 น.
❤️เริ่มใช้สิทธิ:❤️
29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568
⏰ เวลา 06.00 – 23.00 น.
คุณสมบัติผู้มีสิทธิ:
• สัญชาติไทย
• อายุ 16 ปีขึ้นไป
• มีบัตรประชาชน
• ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
• ไม่เคยถูกตัดสิทธิ/เรียกคืนจากโครงการรัฐก่อนหน้า
😘สิทธิที่ได้รับ:😘
• รัฐช่วยจ่าย 50%
🥳วงเงินรวมตลอดโครงการ🥳
✅ 2,400 บาท/คน (สำหรับผู้ยื่นภาษี)
✅ 2,000 บาท/คน (สำหรับผู้ไม่ยื่นภาษี)
ใช้ได้ไม่เกิน 200 บาท/วัน ณ ร้านค้าร่วมโครงการ
📍เงื่อนไขสำคัญ:📍
ต้องใช้สิทธิครั้งแรกภายใน 11 พ.ย. 68 เวลา 23.00 น.
ชำระเงินผ่านแอป “เป๋าตัง” ด้วย G Wallet เท่านั้น
📲 ลงทะเบียนผ่าน: แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
(อย่าลืมเปิดใช้งาน G Wallet ก่อนใช้สิทธิ)
• กรณีเคยได้รับสิทธิคนละครึ่งมาก่อน -กด “ยืนยันสิทธิ” (ไม่ต้องกรอกข้อมูลใหม่)
• กรณียังไม่เคยเข้าร่วม — ลงทะเบียนใหม่ผ่านแอป ‘’เป๋าตัง‘’ (ตามช่องทางที่กำหนด)
✅ สิ่งที่ต้องเตรียม
• บัตรประชาชน
• โทรศัพท์มือถือที่ติดตั้งแอป “เป๋าตัง”
• ยืนยันตัวตนภายในแอป (เช่น สแกนบัตร, ถ่ายรูปใบหน้า, ยืนยัน OTP ฯลฯ)
……………………………………………………………………………………
#สกร.อาสาพาใช้แอปพลิเคชัน
ศกร.ระดับตำบลท่าน้ำอ้อย
สกร.ระดับอำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์
569552350 1390299966432402 2277177249180806737 n
 
571338086 1390300023099063 520729425187639431 n
 
569170015 1390299983099067 6070712454060511912 n571346832 1390300043099061 6396167135055537437 n
 

พระราชกรณียกิจ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

 
 

ภาพความทรงจำที่ยังคงอยู่ของพสกนิกรชาวไทย พร้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ คือ องค์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงประทับเคียงข้าง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรทั่วทุกภูมิภาค ไม่ว่าพื้นที่จะห่างไกลหรือทุรกันดารเพียงใด   

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีปณิธานแน่วแน่ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อแก้ปัญหาสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีพระราชดำริผ่านโครงการในด้านต่าง ๆ ที่สำคัญ ดังนี้

"ศาลารวมใจ" แหล่งเรียนรู้และศูนย์รวมจิตใจของชุมชน

ต้นปี พ.ศ.2519 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างห้องสมุดอเนกประสงค์ขึ้นเพื่อพระราชทานแก่ราษฎรทุกเพศ ทุกวัย และทุกระดับความรู้ แม้กระทั่งผู้ที่อ่านหนังสือไม่ออกที่อยู่ในท้องถิ่นห่างไกลต่าง ๆ โดยทรงพระกรุณาพระราชทานชื่อห้องสมุดนี้ว่า "ศาลารวมใจ"

ศาลารวมใจส่วนหนึ่งจัดเป็นห้องสมุด มีหนังสือหลายประเภท เช่น คู่มือการเกษตร ความรู้ทั่วไป จนถึงนวนิยาย มีภาพติดผนังและสมุดภาพเกี่ยวกับเมืองไทยประกอบด้วยคำอธิบายง่ายๆ เพื่อให้ราษฎรรู้จักเมืองไทยมากขึ้น รู้จักความเป็นไปของบ้านเมืองในปัจจุบัน และเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างท้องถิ่นของตนกับประเทศและโลกกว้าง ทั้งนี้ก็ด้วยพระราชประสงค์ที่จะทรงเสริมสร้างความภูมิใจในชาติ ความหวงแหนมรดกของชาติ และปลูกฝังความรักความสามัคคีของชนในชาติสมดังชื่อ "ศาลารวมใจ"

 
วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2527 ศาลารวมใจบ้านวัดจันทร์ อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2527 ศาลารวมใจบ้านวัดจันทร์ อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่

อีกส่วนหนึ่งของศาลารวมใจจัดเป็นห้องปฐมพยาบาล มียาพระราชทานพื้นฐานจัดไว้ช่วยเหลือชาวบ้าน โปรดเกล้าฯ ให้คัดเลือกราษฎรในหมู่บ้านมาเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลศาลารวมใจ และให้เจ้าหน้าที่เหล่านี้ได้ไปรับการฝึกอบรมหลักสูตร "หมอหมู่บ้าน" สอนให้รู้จักการปฐมพยาบาล ความรู้ด้านสุขภาพอนามัย และการประสานงานในการจัดส่งผู้ป่วยหนักไปโรงพยาบาล

ศาลารวมใจส่วนใหญ่สร้างใกล้วัดหรือในวัด เพื่อให้วัดคงความเป็นศูนย์กลางของหมู่บ้าน และเป็นที่พึ่งทางจิตใจของประชาชนเช่นที่เคยเป็นมาแต่โบราณกาล วัดกับศาลารวมใจจะได้เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน เสริมสร้างความผูกพันระหว่างชาวบ้านและพระศาสนาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ศาลารวมใจที่จัดสร้างเป็นแห่งแรกคือศาลารวมใจพร้าว ต.เขื่อนผาก อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ต่อมาก็มีศาลารวมใจเพิ่มขึ้นในหมู่บ้านและจังหวัดอื่น ๆ เป็นลำดับ 

คนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นผู้มีน้ำพระทัยอ่อนโยน เปี่ยมไปด้วยพระเมตตา ทุกครั้งที่เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎร จะทรงพบว่ามีราษฎรป่วยเจ็บด้วยโรคต่าง ๆ ไปเฝ้าฯ กันเป็นจำนวนมาก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แพทย์ที่ตามเสด็จช่วยตรวจรักษา หากคนไข้คนใดจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลก็จะโปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินการส่งตัวเข้าโรงพยาบาล ในภาคนั้น ๆ แต่หากว่าตนไข้ผู้นั้นเป็นโรคที่ต้องการแพทย์เฉพาะโรคที่ไม่มีในจังหวัดนั้น ๆ ก็ให้นำตัวส่งเข้ากรุงเทพฯ เพื่อให้ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างดีที่สุดจนกว่าจะหาย

เนื่องจากเวลาที่เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรนั้น ในบางจุดมีคนป่วยมาก แพทย์ตามเสด็จไม่สามารถจะตรวจได้ในเวลาอันจำกัด พระองค์ก็โปรดเกล้าฯ ให้จัด "หน่วยแพทย์พระราชทาน" เดินทางไปให้การตรวจรักษาโดยเฉพาะตามจุดต่าง ๆ บางครั้งก็เดินทางทางรถยนต์ บางครั้งทางเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ แล้วแต่ภูมิประเทศ

 
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2526 เสด็จฯ ไปบ้านจาร ตำบลม่วง อำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2526 เสด็จฯ ไปบ้านจาร ตำบลม่วง อำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร

ทรงเชิดชูศิลปวัฒนธรรมไทย

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงตระหนักดีว่าเมืองไทยนี้มีศิลปวัฒนธรรมอันดีงามมาแต่ครั้งบรรพบุรุษ หากสมัยนี้ลูกหลานไทยสนใจแต่อารยธรรมสมัยใหม่ หรือวัฒนธรรมของชาติอื่น มิช้าอดีตที่ไทยเคยยิ่งใหญ่รุ่งเรืองไม่แพ้ชาติใด ๆ ก็คงจะลบเลือนหายไป ดังนั้นจึงทรงหยิบยกตัวอย่าง ของความเป็นไทยอันงดงามมาเชิดชูให้ปรากฏเพื่อเตือนตาเตือนใจไทยให้รำลึกไว้เสมอว่าคนไทยเรา มีฝีมือทุกด้านควรแก่การภาคภูมิใจ

 
ชุดไทยจิตรลดา เป็นชุดไทยพิธีตอนกลางวัน ผ้าซิ่นป้ายเป็นผ้าไหมยกดอกมีเชิงหรือยกดอกทั้งตัว เสื้อแขนยาว ผ่าอก คอกลม มีขอบตั้ง

ชุดไทยจิตรลดา เป็นชุดไทยพิธีตอนกลางวัน ผ้าซิ่นป้ายเป็นผ้าไหมยกดอกมีเชิงหรือยกดอกทั้งตัว เสื้อแขนยาว ผ่าอก คอกลม มีขอบตั้ง

เมื่อ พ.ศ. 2503 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีกำหนดการที่จะตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปทรงเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรป และประเทศสหรัฐอเมริกา

ทรงพระราชดำริว่า แม้เราจะมีเอกลักษณ์และวัฒนธรรมในการแต่งกายของเราเองอยู่แล้วแต่สตรีไทยก็ยังไม่มีเครื่องแต่งกายชุดประจำชาติ จึงมีพระราชเสาวนีย์ให้ผู้ที่เชี่ยวชาญในการออกแบบเครื่องแต่งกาย คิดปรับปรุงแบบเสื้อที่สตรีไทยแต่งกันมาแต่โบราณกาลให้ทันสมัย เพื่อทรงใช้เป็นชุดไทยประจำชาติในระหว่างที่เสด็จฯ ไปทรงเยือนต่างประเทศครั้งนั้น ผลก็คือไทยเราได้มีชุดไทยประจำชาติที่สง่างามและเหมาะสมไว้ใช้ในโอกาสต่างๆ มาจนทุกวันนี้ ซึ่งเรียกกันว่า "ชุดไทยพระราชนิยม"

ชุดไทยพระราชนิยม มีดังนี้ 1.ชุดไทยเรือนต้น 2.ชุดไทยจิตรลดา 3.ชุดไทยอมรินทร์ 4.ชุดไทยบรมพิมาน 5.ชุดไทยจักรี 6.ชุดไทยดุสิต 7.ชุดไทยศิวาลัย 8.ชุดไทยจักรพรรดิ์ ทั้งนี้ จะสังเกตว่า ชื่อชุดไทยต่างๆ เหล่านี้ เป็นชื่อเกี่ยวกับพระที่นั่งหรือพระตำหนัก ซึ่งมีความสอดคล้องกันกับโอกาสและความเหมาะสมในการใช้เครื่องแต่งกายชุดไทยด้วย

 
ชุดไทยจักรี เป็นชุดที่ใช้ผ้าซิ่นแบบเดียวกับไทยบรมพิมาน แต่เสื้อเป็นสไบเฉียง ใช้ในโอกาสงานพิธีกลางคืน

ชุดไทยจักรี เป็นชุดที่ใช้ผ้าซิ่นแบบเดียวกับไทยบรมพิมาน แต่เสื้อเป็นสไบเฉียง ใช้ในโอกาสงานพิธีกลางคืน

ปัจจุบันนี้ ชุดไทยประจำชาติได้เป็นที่นิยมในหมู่สตรีไทยและสังคมไทยทั่วไป ทั้งยังได้เผยแพร่ชื่อเสียงความงดงามด้วยศิลปะทั้งปวงไปยังนานาประเทศ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่บรรดาสตรีไทย ที่ได้พระราชทานแนวพระราชนิยมเป็นแบบแผนการแต่งกายประจำชาติสำหรับสตรีขึ้น เป็นการส่งเสริมเชิดชูศิลปวัฒนธรรมไทยตามลำดับยุคสมัย ที่จะต้องปรากฏต่อไปเป็นประวัติศาสตร์ของชาติสืบชั่วกาลนาน

ทรงพิทักษ์รักษาสรรพสิ่ง

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โปรดธรรมชาติยิ่งนัก พระองค์เข้าพระทัยดีว่าป่าไม้ ต้นน้ำลำธารมีความสำคัญต่อชีวิตคนอย่างไรบ้าง จะทรงสอนข้าราชบริพารเสมอให้ช่วยรักษาป่า ระหว่างที่เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่นั้น หากทรงว่างพระราชกิจ ตกบ่ายจะทรงพระราชดำเนินไปตามทางเท้าขึ้นเขาเข้าป่าไปเสมอ ถ้าทรงพบว่ามีคนทิ้งก้นบุหรี่ลงบนกองใบไม้แห้ง และไฟกำลังคุขึ้น จะทรงตำหนิและรับสั่งกับข้าราชบริพารว่าไม่ควรทิ้งเชื้อไฟลงในป่า เพราะใบไม้แห้งเป็นเชื้อไฟอย่างดี หากเกิดไฟไหม้ ไฟจะลุกลามไปอย่างรวดเร็วทำให้ดับยาก และจะก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นได้อย่างมากมาย สัตว์ป่าจะแตกตื่นและอาจจะตายในกองไฟได้

ทุกครั้งที่ทรงพระดำเนินไปพบว่าไฟกำลังลุกอยู่ ณ จุดไหน จะทรงหยุดขบวนและมีพระราชเสาวนีย์ให้คนในขบวนไปดับไฟเสีย หากลุกลามเกินกำลังที่จะดับกันเองได้ ก็มีพระราชเสาวนีย์ให้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ให้มาดำเนินการ นอกจากนี้พระองค์ยังทรงมุ่งมั่นที่จะอบรมชาวบ้านให้ช่วยกันรักษาป่า เช่น สมุดภาพที่โปรดเกล้าฯ ให้ทำขึ้นพระราชทานศาลารวมใจเมื่อเกือบยี่สิบปีมาแล้ว ก็ได้ทรงสอดแทรกเรื่องรักษาป่าและต้นน้ำลำธารไว้ด้วย

เมื่อได้ทรงพบว่าป่าไม้ถูกทำลายจนเหลือน้อยลงทุกที สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงทรงริเริ่มโครงการป่ารักน้ำขึ้นเป็นครั้งแรกที่จังหวัดสกลนคร เมื่อ พ.ศ. 2525 โปรดเกล้าฯ ให้หาที่ดินที่รกร้างว่างเปล่า หรือป่าที่เสื่อมโทรมแล้วเพื่อนำต้นไม้ไปปลูก และให้ชาวบ้านช่วยกันดูแล ทรงนำความขึ้นกราบบังคมทูลปรึกษาพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรในเรื่องต้นไม้ที่จะนำไปปลูก โปรดให้ปลูกต้นไม้หลายจำพวกด้วยกัน คือไม้โตเร็ว เช่น กระถินยักษ์ ยูคาลิปตัส เพื่อให้ช่วยเป็นร่มเงาแก่ไม้เศรษฐกิจ เช่น ไม้สัก ไม้แดง ไม้เต็งรัง เป็นต้น นอกจากนี้ก็มีไม้ใช้สอย เช่น ไม้ไผ่ แคบ้าน กระถิน ไม้เหล่านี้ปลูกสับหว่างกันไป เมื่อไม้เศรษฐกิจเติบโตแข็งแรง ก็อนุญาตให้ชาวบ้านตัดไม้โตเร็วและไม้ใช้สอยออกไปใช้ได้

สวนสัตว์ป่านั้น ทรงพระราชดำริที่จะอนุรักษ์ไว้ไม้ให้สูญพันธุ์มานานแล้ว ก่อนที่จะตื่นตัวเรื่องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเช่นปัจจุบันนี้ เวลาเสด็จฯ ไปต่างจังหวัด มักมีชาวบ้านนำสัตว์ป่ามาถวาย เช่น นกเหงือก ไก่ฟ้า กระจง เป็นต้น จะโปรดเกล้าฯ ให้ส่งไปเลี้ยงไว้เพื่อขยายพันธุ์ เมื่อมีจำนวนมากแล้ว ก็ให้นำไปปล่อยคืนสู่ป่า

ส่งเสริมอาชีพและศิลปาชีพ

การส่งเสริมให้คนไทยในภูมิภาคต่างๆ ผลิตงานด้านศิลปหัตถกรรมเป็นอาชีพเสริม นอกเหนือจากการเกษตร ซึ่งเป็นอาชีพหลัก งานศิลปาชีพอยู่ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งก่อตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 21 ก.ค.พ.ศ.2519 

การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพ นอกจากจะเป็นการเสริมรายได้ให้แก่เกษตรกรและราษฎรแล้ว ยังช่วยอนุรักษ์ศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของคนไทย และพัฒนาคุณภาพของฝีมือให้ดียิ่งขึ้น จนสามารถผลิตสินค้าให้เป็นที่ต้องการของตลาด รวมทั้งสร้างสรรค์งานฝีมือชิ้นเยี่ยม ไว้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติอีกด้วย

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงตระหนักถึงความสำคัญของชาวไร่ชาวนาผู้ผลิตอาหาร ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของมนุษย์ จึงทรงพระราชดำริที่จะจัดหาอาชีพเสริมให้แก่เกษตรกรเพื่อให้เกษตรกรมีกำลังใจที่จะทำนาทำไร่ต่อไป ไม่ต้องขายที่ดิน ไม่ต้องเป็นหนี้สิน และไม่ต้องทิ้งถิ่นไปทำมาหากินตามเมืองใหญ่ อันจะก่อให้เกิดปัญหาความแออัดของชุมชนในเมืองใหญ่ตามมาอีก

สิ่งที่จะเป็นอาชีพเสริมนั้น จะต้องเป็นอาชีพที่ประกอบอยู่ที่บ้านได้ในเวลาที่ว่างจากการทำไร่ทำนา หรือเมื่อดินฟ้าอากาศไม่อำนวยให้เพาะปลูก หรือแม้แต่ผู้ไม่มีดินจะเพาะปลูก ก็จะสามารถประกอบอาชีพเสริมนี้ได้ด้วยทรัพยากรธรรมชาติหรือวัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่นของตน และด้วยภูมิปัญญาตลอดจนด้วยฝีมือของเขาเอง นี่คือที่มาของพระราชดำริในการนำศิลปหัตถกรรมมาเป็นอาชีพเสริมให้แก่ชาวไร่ชาวนาไทย

 
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โปรดการปฏิบัติงานแบบครบวงจร เมื่อทรงสนับสนุนให้ชาวบ้านทอผ้าไหม ก็ให้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและสาวไหมไปพร้อมกันด้วย

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โปรดการปฏิบัติงานแบบครบวงจร เมื่อทรงสนับสนุนให้ชาวบ้านทอผ้าไหม ก็ให้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและสาวไหมไปพร้อมกันด้วย

นักเรียนในพระบรมราชานุเคราะห์

การศึกษาของชาตินั้นเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เพราะเป็นการวางรากฐานแก่ชีวิต และความเป็นอยู่ของราษฎร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงห่วงใยและประจักษ์ในความสำคัญของปัญหานี้ จึงทรงเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหาอย่างเต็มพระกำลัง ด้วยวิญญาณแห่งความเป็นแม่และครูที่ทรงมีอยู่อย่างเปี่ยมล้น

 
เด็กจากครอบครัวยากจนแต่เล่าเรียนดีและสามารถเป็นหลักครอบครัวต่อไปได้ จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ (ภาพจาก : หน่วยราชการในพระองค์)

เด็กจากครอบครัวยากจนแต่เล่าเรียนดีและสามารถเป็นหลักครอบครัวต่อไปได้ จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ (ภาพจาก : หน่วยราชการในพระองค์)

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มิได้ทรงมุ่งแก้ปัญหาเพียงทางใดทางหนึ่งเท่านั้น หากแต่ทรงแก้ปัญหาทุกด้านไปพร้อม ๆ กัน เช่น ทรงพบครอบครัวที่ยากจนขาดที่ทำกินและมีลูกมาก ก็จะทรงพิจารณาหาอาชีพให้แก่พ่อแม่ และพระราชทานการศึกษาแก่ลูก การศึกษานั้นไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นการศึกษาหลักสูตรต่าง ๆ เสมอไป หากเด็กคนใดอยู่ในวัยเรียนมีผลการเรียนดีพอสมควร มีความมานะพยายาม และต้องการเรียนต่อจริง ๆ ก็จะส่งเสียให้เรียนไปตามความสามารถของเด็กนั้นจนถึงระดับปริญญาตรี แต่หากเด็กคนในที่มีอายุมากเกินกว่าจะกลับมาเข้าชั้นเรียนเดียวกับเด็กอื่น ๆ ได้ ก็จะทรงส่งเสริมให้เรียนวิชาชีพตามความสนใจและความสามารถของเด็ก ทั้งนี้ รวมถึงเด็กแขนขาพิการตาบอดและหูหนวก ที่ทรงพบว่ามีความสามารถพอจะเรียนต่อได้อีกด้วย

ทรงเป็นขวัญและกำลังใจ 

เมื่อหลายสิบปีก่อน ประเทศเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงของไทย ประสบปัญหาภายในประเทศอย่างรุนแรงจนอาจกล่าวได้ว่าตกอยู่ในสภาพบ้านแตกสาแหรกขาด แผ่นดินลุกเป็นไฟไปแทบทั้งสิ้น มีเพียงประเทศไทยเท่านั้นที่ยั่งยืนยงอยู่ได้ท่ามกลางไฟสงครามที่ลุกอยู่รอบ ๆ ประเทศ แม้กระนั้น ทหาร ตำรวจพลเรือน และอาสาสมัครผู้ป้องกันประเทศชาติ ก็ต้องบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากในการปะทะกับกองกำลังต่างชาติตามแนวชายแดน รวมทั้งกับผู้ก่อการร้ายภายในประเทศ

 
วันที่ 1 มีนาคม 2518 เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมทหารและตำรวจตระเวนชายแดน อ.เชียงคำ จ.เชียงราย (ภาพจาก : หน่วยราชการในพระองค์)

วันที่ 1 มีนาคม 2518 เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมทหารและตำรวจตระเวนชายแดน อ.เชียงคำ จ.เชียงราย (ภาพจาก : หน่วยราชการในพระองค์)

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงห่วงใยในปัญหาความมั่นคงของชาติและเจ้าหน้าที่ผู้เสียสละเหล่านี้อย่างยิ่ง พระองค์โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปทรงเยี่ยมเยียนพวกเขาเหล่านี้จนถึงฐานปฏิบัติการ ทรงนำเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นไปพระราชทาน และหลายครั้งที่ทรงนำพระเครื่องไปพระราชทานเพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ ยามใดที่มีข่าวการปะทะและต้องสูญเสียบุคคลเหล่านี้ ก็ทรงเศร้าสลดพระราชหฤทัยและจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานความช่วยเหลือแก่บุคคลนั้นรวมทั้งครอบครัวทันที

จนถึงวันที่ 2 เม.ย. พ.ศ.2518 อันเป็นวันคล้ายวันสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิรลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี จึงทรงก่อตั้ง "มูลนิธิสายใจไทยในพระบรมราชูปถัมภ์" ขึ้น เพื่อให้การสงเคราะห์แก่ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครผู้บาดเจ็บหรือพิการ ตลอดจนครอบครัวของผู้ที่พิการหรือเสียชีวิต นอกเหนือจากสิทธิที่จะได้รับความช่วยเหลือจากทางราชการ

 
มีพระราชปฏิสันถารกับเจ้าหน้าที่ทหารที่บาดเจ็บอย่างใกล้ชิด (ภาพจาก : หน่วยราชการในพระองค์)

มีพระราชปฏิสันถารกับเจ้าหน้าที่ทหารที่บาดเจ็บอย่างใกล้ชิด (ภาพจาก : หน่วยราชการในพระองค์)

ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ที่ปฏิบัติการอยู่แนวหน้าเกิดความอบอุ่นใจว่ายังมีแนวหลังคอยห่วงใย เมื่อบาดเจ็บล้มตายก็จะไม่ถูกทอดทิ้งให้เผชิญชีวิตอยู่เพียงลำพัง และทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิรลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธานมูลนิธิสายใจไทยฯ มาจนปัจจุบัน

นอกเหนือจากที่ทรงเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ปฏิบัติการอยู่แนวหน้าแล้ว แนวหลังก็มีความสำคัญมิใช่น้อย ทรงสนับสนุนให้แนวหลังมีความรักชาติ ความสามัคคี และมีวินัย เช่น ทรงสนับสนุนกิจกรรมของลูกเสือแห่งชาติ และลูกเสือชาวบ้าน โดยสืบเนื่องมาเป็นระยะเวลายาวนานดังที่ได้เห็นประจักษ์กันอยู่จนทุกวันนี้

ที่มา : หน่วยราชการในพระองค์, มูลนิธิโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ 

อ่านข่าว : พระราชประวัติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ประกาศ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต

ปิดรับสมัครนักศึกษา ภาคเรียนที่ 2/2568 เรียนฟรีไม่มีค่าใข้จ่าย 

สกร.ระดับอำเภอพยุหะคีรี ตำบลท่าน้ำอ้อย (กศน.)

เปิดเทอมปุ๊

พระราชประวัติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง หน่วยราชการในพระองค์ ขอเผยแพร่พระราชประวัติ เพื่อน้อมถวายความอาลัย ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

 

พระราชประวัติ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

 

           สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบรมราชินีนาถใน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นพระธิดาองค์ใหญ่ของพลเอก พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ กับหม่อมหลวงบัว กิติยากร สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า “สิริกิติ์” ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้เป็นศรี แห่งกิติยากร” ทรงพระราชสมภพเมื่อวันศุกร์ที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๗๕ ที่บ้านพลเอก เจ้าพระยาวงศานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) ผู้เป็นบิดาของหม่อมหลวงบัว ณ บ้านเลขที่ ๑๘๐๘ ถนนพระรามหก ตำบลวังใหม่ อำเภอปทุมวัน จังหวัดพระนคร ขณะนั้นเป็นระยะที่ประเทศเพิ่งเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย ก่อนหน้านั้นพระบิดาของพระองค์ทรงดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก มียศเป็นพันเอก หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร

          หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองในวันที่ ๒๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๗๕ หม่อมเจ้านักขัตรมงคลทรงออกจากราชการทหาร โดยรัฐบาลแต่งตั้งให้ไปรับราชการในตำแหน่งเลขานุการเอก ประจำสถานทูตสยาม ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอมริกา ส่วนหม่อมหลวงบัวซึ่งมีครรภ์แก่คงพำนักอยู่ในประเทศไทย จนให้กำเนิดหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์แล้วจึงเดินทางไปสมทบ มอบหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ให้อยู่ในความดูแลของเจ้าพระยาวงศานุประพัทธ์ และท้าววนิดาพิจาริณี ผู้เป็นบิดาและมารดาของหม่อมหลวงบัว

          หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ต้องอยู่ห่างไกลบิดามารดาตั้งแต่อายุยังน้อย บางคราวต้องระหกระเหินไปต่างจังหวัดตามเหตุการณ์ผันผวนทางการเมือง เช่น ในพุทธศักราช ๒๔๗๖ หม่อมเจ้าอัปษรสมาน กิติยากร พระมารดาของหม่อมเจ้านักขัตรมงคล ได้ทรงรับนัดดาตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวไปสงขลาด้วย

          ปลายพุทธศักราช ๒๔๗๗ หม่อมเจ้านักขัตรมงคลทรงลาออกจากราชการกลับประเทศไทยพร้อมครอบครัว อันมีหม่อมหลวงบัว หม่อมราชวงศ์กัลยาณกิติ์ บุตรคนโต และหม่อมราชวงศ์ บุษบา บุตรีคนเล็กผู้เกิดที่สหรัฐอเมริกา แล้วมารับหม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ บุตรคนรอง กับ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์จาก หม่อมเจ้าอัปษรสมาน กลับมาอยู่รวมกันที่ตำหนักซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนกรุงเกษม ปากคลองผดุงกรุงเกษม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

          หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เริ่มเรียนชั้นอนุบาลที่โรงเรียนราชินี ปากคลองตลาด ในพุทธศักราช ๒๔๗๙ แต่เมื่อสงครามมหาเอเชียบูรพาลุกลามมาถึงประเทศไทย จังหวัดพระนครถูกโจมตีทางอากาศบ่อยครั้งทำให้การเดินทางไม่สะดวกและไม่ปลอดภัย ในพุทธศักราช ๒๔๘๓ จึงย้ายไปเรียนชั้นประถมและมัธยมที่โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ ถนนสามเสน เพราะอยู่ใกล้บ้านในระยะที่พอจะเดินไปโรงเรียนเองได้ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เริ่มเรียนเปียโนที่โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ และในเวลาต่อมาได้ตั้งใจที่จะเป็นนักเปียโนผู้มีชื่อเสียง

          หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ได้เผชิญสภาพของสงครามโลกมาเช่นเดียวกับคนไทยทั้งหลาย หม่อมเจ้านักขัตรมงคลผู้ทรงเป็นทหารเป็นผู้ปลูกฝังให้บุตรและบุตรีรู้จักความมีวินัย ความอดทน ความกล้าหาญ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และความเสียสละ โดยอาศัยสถานการณ์สงครามเป็นตัวอย่าง และสงครามโลกก็ทำให้คนไทยทั้งปวงต้องหันหน้าเข้าช่วยเหลือกันในยามทุกข์ยาก สิ่งเหล่านี้จึงหล่อหลอมหม่อมราชวงศสิริกิติ์ให้มีความเมตตาต่อผู้อื่นและรักความมีระเบียบแบบแผนมาตั้งแต่เยาว์วัย

          หลังจากสงครามสงบแล้ว นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น คือนายควง อภัยวงศ์ ได้แต่งตั้งให้หม่อมเจ้านักขัตรมงคลเป็นอัครราชทูตประจำประเทศอังกฤษ หม่อมเจ้านักขัตรมงคลจึงทรงพาครอบครัวทั้งหมดไปด้วยในกลางพุทธศักราช ๒๔๘๙ ขณะนั้นหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เรียนจบชั้นมัธยมปีที่ ๓ ของโรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์แล้ว

          ระหว่างที่อยู่ในประเทศอังกฤษ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เรียนเปียโน ภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสกับครูพิเศษ แต่อยู่ที่อังกฤษได้ไม่นาน พุทธศักราช ๒๔๙๐ หม่อมเจ้านักขัตรมงคลก็ทรงย้ายไปเป็นอัครราชทูตประจำประเทศฝรั่งเศสและเดนมาร์ก ก่อนจะกลับมาเป็นเอกอัครราชทูตประจำประเทศอังกฤษอีกครั้งหนึ่ง ระหว่างนี้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ยังคงตั้งใจเรียนเปียโนอย่างขะมักเขม้นเพื่อเตรียมสอบเข้าวิทยาลัยการดนตรีที่มีชื่อเสียงของกรุงปารีส

พระราชประวัติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

          พุทธศักราช ๒๔๙๑ ขณะที่หม่อมเจ้านักขัตรมงคลและครอบครัวอยู่ในปารีส ได้รับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งโปรดเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรโรงงานทำรถยนต์ในกรุงปารีสอยู่เสมอ จนเป็นที่คุ้นเคยและต้องพระราชอัธยาศัย ฉะนั้นเมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประสบอุปัทวเหตุทางรถยนต์ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ต้องประทับรักษาพระองค์ในสถานพยาบาล จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้หม่อมหลวงบัวพาบุตรี ทั้งสองคือหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์และหม่อมราชวงศ์บุษบาเข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทเยี่ยมพระอาการเป็นประจำ จนพระอาการประชวรทุเลาลงและเสด็จกลับพระตำหนักได้

          สมเด็จพระราชชนนีได้รับสั่งขอให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์อยู่ศึกษาต่อที่เมืองโลซานน์ในโรงเรียนประจำชื่อโรงเรียน Riante Rive ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในการสอนวิชาพิเศษแก่กุลสตรี คือ ภาษา ศิลปะ ดนตรี ประวัติวรรณคดี และประวัติศาสตร์




พระราชประวัติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
พระราชประวัติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๔๙๓ พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พระราชทานน้ำพระมหาสังข์ ณ วังสระปทุม

พระราชประวัติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๔๙๓ ทรงลงพระนามาภิไธย
ในสมุดทะเบียนสมรส

          ต่อมาอีก ๑ ปี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้หม่อมเจ้านักขัตรมงคลและครอบครัวมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วสมเด็จพระราชชนนีรับสั่งขอหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ต่อหม่อมเจ้านักขัตรมงคลและทรงประกอบพิธีหมั้นเป็นการภายใน ในวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๙๒ ทรงใช้พระธำมรงค์ที่สมเด็จพระราชบิดาทรงหมั้นสมเด็จพระราชชนนีเป็นพระธำมรงค์หมั้น แล้วโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ศึกษาต่อไปจนถึงกำหนดตามเสด็จกลับมาถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ในเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓

          วันที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๓ มีพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ณ วังสระปทุม สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงเป็นประธานพระราชทานน้ำพระพุทธมนต์และ เทพมนตร์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ได้ทรงจดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย และในวันนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงสถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เป็นสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ 

          วันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ เป็นวันพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับเฉลิมพระบรมนามาภิไธยว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” และทรงเฉลิมพระยศ สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ เป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี 

          วันที่ ๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๙๓ ทั้งสองพระองค์เสด็จกลับประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพราะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กราบบังคมทูลแนะนำให้ทรงพักรักษาพระองค์อีกระยะหนึ่ง พุทธศักราช 2494 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี มีพระประสูติกาลสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญาฯ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อเจริญพระชันษาได้ ๗ เดือน ทั้งสามพระองค์จึงเสด็จนิวัติประเทศไทย ประทับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณฯ ซึ่งปัจจุบันคือ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศร ราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดาฯ ซึ่งปัจจุบันเฉลิมพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดาฯ ปัจจุบันเฉลิมพระอิสริยยศ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิริธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ ซึ่งปัจจุบันเฉลิมพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี  ได้ประสูติต่อมาตามลำดับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน รวมพระราชโอรสและพระราชธิดา ๔ พระองค์

          ปลายพุทธศักราช ๒๔๙๘ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ผู้ทรงดำรงตำแหน่งสภานายิกาสภากาชาดไทยเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงแต่งตั้งสมเด็จพระบรมราชินีให้ทรงดำรงตำแหน่งสภานายิกาแทน เมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๙๙ และในปีเดียวกันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทรงพระผนวชตามโบราณราชประเพณี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งสมเด็จพระบรมราชินีเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ภายหลังเมื่อทรงลาผนวชแล้ว ได้ทรงสถาปนาพระราชอิสริยยศสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ อันมีความหมายว่าทรงเป็นที่พึ่งของประชาชน นับเป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถพระองค์ที่สองของไทยต่อจากสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ซึ่งทรงปฏิบัติราชการแทนพระองค์เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเยือนยุโรป

          สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณีกิจน้อยใหญ่ทั้งในฐานะที่ทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชินีของไทย และในฐานะคู่พระราชหฤทัยแห่ง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร กล่าวคือทรงช่วยแบ่งเบาพระราชภารกิจทั้งหลายไปได้เป็นอันมาก ทั้งยังมีพระราชดำริเริ่มใหม่เพื่อช่วยเหลือประชาชนและพัฒนาประเทศอย่างอเนกอนันต์ ซึ่งโครงการพระราชดำริเหล่านั้นได้ยังประโยชน์มหาศาลแก่ประชาชนสืบมาจนทุกวันนี้


วันที่ ๕ พฤษภาคม  ๒๔๙๓ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์ ทรงเจิมแล้วพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์และเครื่องอิสริยราชชูปโภค สำหรับตำแหน่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในงานพระราชพิธีฉัตรมงคล และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

 


สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเชิญดอกพิกุลเงิน ดอกพิกุลทอง และเหรียญสลึง ถวายพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อทรงโปรยพระราชทานแก่ข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายใน

 
พระราชประวัติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สภานายิกาสภากาชาดไทย

พระราชประวัติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จออกทรงผนวช จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในภาพนี้ทรงปฏิญาณพระองค์ในรัฐสภา ณ
พระที่นั่งอนันตสมาคม เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๔๙๙

พระราชประวัติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๔๙๙ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ถวายเครื่องอัฐบริขารแด่พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ภูมิพโลภิกขุ) ในพระอุโบสถ
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม




 

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคต เมื่อวันศุกร์ ที่ ๒๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ สิริพระชนมพรรษา ๙๓ พรรษา

www.royaloffice.th/25/10/2025/ประกาศสำนักพระราชวัง-24-10-2568/

หน้าที่ 2 จาก 28

ข่าวประชาสัมพันธ์ สำนักงาน กศน.นครสวรรค์

ข่าวประชาสัมพันธ์ทั่วไป

การศึกษา, เรียน สกร., รับสมัครนักศึกษา, สกร.นครสวรรค์, สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดนครสวรรค์