“ไม่เค็ม ไม่อร่อย”
ใครที่คิดแบบนี้ต้องระวัง
เป็นไตวายเรื้อรังนะครับ!
จากข้อมูลการศึกษาของสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย พบว่าคนไทยป่วยเป็นโรคไตมากถึง 8 ล้านคน และยังมีแน้วโน้มว่าจะสูงขึ้นในทุกๆ ปีอีกด้วย! แต่ก่อนที่จะตกใจไปมากกว่านี้ ผมว่าเราไปทำความรู้จักกับโรคนี้กันหน่อยดีกว่า
ไตวายเรื้อรัง คือภาวะที่ไตทำงานผิดติ ทำให้ขับของเสีย น้ำ หรือของเหลวส่วนเกินออกมาจากกระแสเลือดได้ไม่หมด สิ่งที่คั่งค้างอยู่นี้จึงทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ขึ้นมานั่นเองครับ ซึ่งระยะเวลาที่ทำให้ไตทำงานผิดปกติจะอยู่ที่ประมาณ 3 เดือน แล้วไตก็จะเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ ที่น่าเป็นห่วงก็คือ โรคไตวายเรื้อรังจะไม่แสดงออกในระยะแรกๆ ทำให้หลายๆ คนปล่อยทิ้งไว้จนอาการหนักและรักษายากขึ้น หรืออาจจะทำให้เกิดไตวายเฉียบพลันได้เลย
ในระยะแรกๆ ไตวายเรื้อรังจะไม่แสดงอาการก็จริง แต่เมื่อเข้าระยะท้ายๆ คนที่ป่วยเป็นโรคไตก็อาจจะเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อ่อนเพลีย คันตามตัว ปวดเอว ปวดหลัง ฉี่บ่อยตอนกลางคืน หรือว่าเท้าบวม ท้องบวม และประจำเดือนขาด ซึ่งก็จะต้องรีบเข้ารับการรักษาอย่างเร็วที่สุด
สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดโรคไตวายก็คือโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง แน่นอนครับว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดสองโรคนี้ก็ไม่ได้ไกลตัวเลย เพราะมันคือ “อาหาร” ที่เรากินเข้าไป พอเกิดโรคขึ้นมาได้โรคหนึ่ง ไตวายเรื้อรังก็เตรียมพร้อมที่จะเล่นงานเพื่อนๆ ได้เหมือนกัน ดังนั้น การใส่ใจกับอาหารจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ
อย่างที่เรารู้กันว่า ถ้ากินเค็ม ไตก็จะทำงานหนัก ใช่แล้วครับ ยิ่งเค็มเท่าไรไตก็ยิ่งเหนื่อย หลายๆ คนมักจะเข้าใจผิดว่ากินเค็มหมายถึงเกลือหรือน้ำปลาเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว ความเค็มที่น่ากลัวมาจากสิ่งที่เรียกว่า “โซเดียม” ครับ ไม่ว่าจะเป็นน้ำปลา เกลือ ซอสปรุงรส ซอสมะเขือเทศ ผงชูรส เนื้อหมักซอส น้ำจิ้มต่างๆ หรือแม้แต่อาหารแช่แข็งก็มีปริมาณโซเดียมที่สูงมากจนน่าทึ่ง
ปกติคนเราควรได้รับโซเดียมไม่เกิน 1 ช้อนชาหรือ 2,000 มิลลิกรัมเท่านั้น แต่เพื่อนๆ ลองอ่านฉลากโภชนาการจากซองขนม น้ำอัดลม หรือว่าอาหารสำเร็จรูปที่ซื้อมาดูสิครับ ลองคำนวณคร่าวๆ ว่าวันหนึ่งเรากินอะไรเข้าไปบ้าง แล้วเพื่อนๆ ก็จะได้คำตอบว่าทำไมคนไทยถึงเป็นโรคไตเพิ่มขึ้นเยอะขนาดนี้
เมื่อรู้แล้วว่าอะไรคือศัตรูของสุขภาพ เพื่อนๆ ก็ควรจะลดปริมาณอาหารเหล่านั้นลงมาบ้างนะครับ ไม่ใช่ว่ากินไม่ได้ แต่ต้องกินอย่างพอดี ไม่อย่างนั้น อร่อยวันนี้ แต่ไตวายวันหน้ามันก็ไม่คุ้มกันเนอะ
#ลืมป่วย
อ้างอิง:
1. https://mayocl.in/2GjEbL4
2. https://bit.ly/3fyk0If