- เขมรัตน์ แสงสุนทร
- สาระน่ารู้
- จำนวนการเข้าชม: 10836
กล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์มากมาย มีทั้งเส้นใยอาหาร โพแทสเซียม แคลเซียม และยังมีโพรไบโอติกที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ เพียงรับประทานกล้วยน้ำว้าวันละหนึ่งลูกจึงช่วยป้องกันและรักษาได้สารพัดโรค และนี่คือ 10 ประโยชน์ของกล้วยน้ำว้า ของดีใกล้ตัวคุณ!!
1.รักษาโรคกระเพาะอาหาร
กล้วยน้ำว้าดิบสามารถช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร เพราะในกล้วยดิบมีสารที่ชื่อว่า แทนนิน มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย และยังมีสารอีกตัวที่สำคัญคือ เซโรโทนิน ที่จะช่วยกระตุ้นให้กระเพาะอาหารผลิตเยื่อเมือกมากขึ้น จึงช่วยเคลือบแผลที่กระเพาะ ลดการระคายเคือง และลดความแสบร้อนลงได้
2. ดับกลิ่นปาก
กล้วยสุกสามารถดับกลิ่นปากได้ดี เพียงรับประทานก่อนสุกในตอนเช้าแล้วจึงแปรงฟัน ทานติดต่อกันเป็นเวลา 1 สัปดาห์ รับรองว่าช่วยระงับกลิ่นปากให้หายไปได้
3.ผลไม้สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
กล้วยน้ำว้าสุกมีดัชนีน้ำตาลต่ำ มีค่า GI เพียง 37 การรับประทานกล้วยน้ำว้าสุกจึงช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลไปใช้อย่างช้าๆ กล้วยน้ำว้าจึงเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
4.มีแคลเซียมสูง
กล้วยน้ำว้าอุดมไปด้วยแคลเซียม เมื่อนำกล้วยไปผ่านความร้อน เช่น กล้วยต้ม กล้วยปิ้ง กล้วยบวชชี ร่างกายจะดูดซึมแคลเซียมได้ดียิ่งขึ้น 5-6 เท่า
5. ระบบขับถ่ายคล่องขึ้น
กล้วยน้ำว้าสุกช่วยแก้อาการท้องผูกเพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้จึงช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น อุจจาระนิ่ม จึงช่วยป้องกันโรคริดสีดวงทวาร
6. ป้องกันโรคโลหิตจาง
กล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้ที่มีธาตุเหล็กสูงซึ่งจะไปช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง จึงช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
7.รักษาโรคซึมเศร้า
กล้วยสุกมีสารทริปโตเฟนที่จะช่วยคลายเครียด รู้สึกผ่อนคลาย ลดความวิตกกังวล อารมณ์ดีขึ้น จึงสามารถช่วยลดอาการซึมเศร้าได้ดี
8. ช่วยให้นอนหลับสบาย
หากใครที่นอนไม่หลับให้ลองรับประทานกล้วยน้ำว้าสุกก่อนนอนก็จะช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ทำให้นอนหลับสบายตลอดคืน
9. แก้ท้องเสีย
กล้วยน้ำว้าดิบมีสารแทนนินซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เพียงนำผงกล้วยน้ำว้าดิบมาชงดื่มก็จะช่วยแก้อาการท้องร่วง แก้ท้องเสียได้
10. กระตุ้นระบบย่อยอาหาร
กล้วยน้ำว้าสุกนั้นมีประโยชน์ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารทำให้ย่อยง่ายมากขึ้น เนื่องจากแป้งทนการย่อยจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลเมื่อกล้วยสุก
กล้วยน้ำว้า 1 ผลเล็ก น้ำหนักส่วนที่กินได้ 40 กรัม ให้คุณค่าทางสารอาหาร ดังนี้
-พลังงาน 59 กิโลแคลอรี
-น้ำ 25 กรัม
- น้ำตาล 9 กรัม
- ใยอาหาร 0.9 กรัม
-เบต้าแคโรทีน 22 ไมโครกรัม
-วิตามินซี 4 มิลลิกรัม
-โปแตสเซียม 128 มิลลิกรัม
นอกจากประโยชน์ของกล้วยน้ำว้าที่เป็นผลไม้แล้ว ต้นกล้วยน้ำว้ายังมีประโยชน์ด้านสุขภาพเกือบทุกส่วน ดังนี้
ราก : แก้ขัดเบา
ต้น : ห้ามเลือด แก้โรคไส้เลื่อน
ใบ : รักษาแผลสุนัขกัด ห้ามเลือด
ยางจากใบ : ห้ามเลือด สมานแผล
หัวปลี (ช่อดอกกล้วย) : ขับน้ำนม
กล้วยน้ำว้าดิบ
เปลือกภายนอกสีเขียวเข้ม ช่วยแก้โรคกระเพาะได้ดีเนื่องจากมีสารแทนนิน ซึ่งมีฤทธิ์ในการเคลือบรักษากระเพาะและลำไส้ป้องกันการติดเชื้อ และด้วยตัวกล้วยดิบเองซึ่งมีฤทธิ์ในการลดกรดในกระเพาะ จึงเป็นยาทางธรรมชาติที่รักษาโรคกระเพาะที่ดีกว่ายาแผนปัจจุบันทั่วไป กล้วยดิบไม่สามารถรับประทานสดๆได้ วิธีการจึงต้องนำกล้วยมาฝานเป็นแว่นๆแล้วอบด้วยความร้อนต่ำไม่เกิน 50 องศา จนแห้งแล้วนำมาบดเป็นผง รับประทานครั้งละ 1 ช้อนชา 3 ครั้งก่อนอาหาร โดยสามารถผสมกับน้ำผึ้งเพื่อให้รสชาติดีขึ้นง่ายต่อการรับประทาน
หรือกล้วยกึ่งดิบกึ่งสุก เปลือกภายนอกสีเหลืองแต่มีสีเขียวประปราย สามารถรับประทานได้สดๆ รสชาติไม่หวานจัดอาจติดรสฝาดเล็กน้อย กล้วยห่ามมีโพแทสเซียมสูง จึงให้ผลดีกับผู้มีอาการท้องเสียเนื่องจากผู้ป่วยจะสูญเสียโพแทสเซียมออกจากร่างกายมาก ซึ่งหากขาดมากอาจมีผลกระทบกับการเต้นของหัวใจ นอกจากนี้กล้วยห่ามยังช่วยหล่อลื่นลำไส้ และเพิ่มกากใยในการขับถ่ายให้กับผู้ป่วย สารเซโรโทนินในกล้วยห่ามยังช่วยออกฤทธิ์ กระตุ้นให้ผนังกระเพาะอาหารสร้างเยื่อเมือกมากขึ้น ช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย
สีเหลืองสด รสชาติอร่อยที่ปกติเราชอบรับประทานกัน ให้ผลตรงกันข้ามกับกล้วยห่าม เนื่องจากเป็นยาระบายอ่อนๆให้ผลดีกับคนที่มีอาการท้องผูก เพราะมีสารเพ็กตินอยู่มาก เพ็กตินเป็นเส้นใยอาหารที่ละลายน้ำได้ ช่วยเพิ่มกากใยในระบบทางเดินอาหารและที่สำคัญเป็นอาหารของแบ็คทีเรียในลำไส้ หรือ prebiotic ตามธรรมชาติ จึงช่วยในการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับคนที่มีอาการท้องผูกมากๆต้องรับประทานวันละ 5-6 ลูกเพื่อให้ได้ผลดี
กล้วยสุกจัดผิวคล้ำไม่สดสวย ที่หลายๆคนไม่ชอบรับประทาน แต่กลับให้ผลดีอย่างมากมายในการเพิ่มภูมิต้านทานโรคภัยต่างๆ เพราะช่วยเพิ่มเซลเม็ดเลือดขาว และมีสารที่เรียกว่า TNF (Tumor Necrosis Factor) ซึ่งมีความสามารถในการต่อสู้กับเซลล์ที่ผิดปกติ และยิ่งกล้วยสุกมากเท่าไหร่ มีจุดสีดำที่เปลือกมากขึ้นเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้เกิดสารเสริมภูมิต้านทานนี้มากขึ้น การรับประทานกล้วยสุกจัดเป็นประจำวันละ 1-2 ลูกยังช่วยเสริมภูมคุ้มกันโรคหวัด